วันนี้ (22 พ.ค. 57) เวลา 10.00 น. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร
![]() |
1. นายอำเภอท่าแซะ ประธานกรรมการ
2. นายก อบต.สองพี่น้อง รองประธานกรรมการ
3. กำนัน ต.รับร่อ รองประธานกรรมการ
4. กำนัน ต.สองพี่น้อง กรรมการ
5. ผญ.บ. ม. 7 ต. สองพี่น้อง กรรมการ
6. ผญ.บ. ม. 10 ต.หงษ์เจริญ กรรมการ
7. ผญ.บ. ม. 10 ต.รับร่อ กรรมการ
8 .ผญ.บ. ม. 14 ต.รับร่อ กรรมการ
9. ผญ.บ. ม. 15 ต.รับร่อ กรรมการ
10. ผญ.บ. ม. 17 ต.รับร่อ กรรมการ
11. ผญ.บ. ม. 20 ต.รับร่อ กรรมการ
12. ผญ.บ. ม. 21 ต.รับร่อ กรรมการ
13. ผญ.บ. ม. 23 ต.รับร่อ กรรมการ
14. ผอ. รพ. ส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพันวาล กรรมการ
15. ผอ. รพ. ส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านธรรมเจริญ กรรมการ
16. หน.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรรมการ
17. ผอ.ร.ร.บ้านร้านตัดผม กรรมการ
18. ผอ.ร.ร.บ้านร้านคันธทรัพย์ กรรมการ
19. นายสุวัฒน์ ไกลมาก อาจารย์ประจำพื้นที่ทั่วไป กรรมการ
สถาบันเทคโนโลเจ้าคุณทมหารลาดกระบังชุมพร
20. หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าชุมพร กรรมการ
21. หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าชุมพร กรรมการ
22. หัวหน้าจัดการต้นน้ำ รับร่อ-สลุย กรรมการ
23. หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน กรรมการ
เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศใต้
24. หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร กรรมการ
25. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร กรรมการ/เลขานุการ
ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) จังหวัดชุมพร
แนวทางในการจัดตั้งคณะกรรมการในระดับพื้นที่ในครั้งนี้ก็เพื่อจุดประสงค์ในการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่คุ้มครองได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งในการประชุมในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากหลายๆฝ่ายในที่ประชุม เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ต้องร่วมมือกันหลายๆฝ่าย ต้องมาปลูกจิตสำนึกในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. และชาวบ้านในพื้นที่ต้องผนึกกำลังกันเพื่อทรัพยากรที่เหลือให้คงอยู่ต่อไป.
นายชัยสันติ์ ศรียาภัย หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าชุมพร ได้เสนอแนะให้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า "ให้สำรวจเรื่องสัตว์ป่า และสภาพพื้นที่ป่า ให้เห็นเด่นชัดขึ้นเพื่อจะได้ประชาสัมพันธุ์ให้ผู้คนได้รู้ว่าพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์ฯยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยว หรือนักอนุรักษ์ต่างจะได้เข้ามาสนใจเพิ่มขึ้น" นายชัยสันติ์ กล่าว
ประวัติ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ
ในปี พ.ศ. 2537 จึงมีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขาไชยราชและป่าคลองกรูด ในท้องที่ตำบลร่อนทอง ตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน ตำบลช้างแรก ตำบลไชยราช อำเภอบาง สะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บริเวณที่ดินป่ารับร่อและป่าสลุยใน ท้องที่ตำบลสลุย ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลรับร่อ ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เนื้อที่ประมาณ 415,620 ไร่หรือประมาณ 665 ตารางกิโลเมตร โดยอยู่ในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 185,000 ไร่ และท้องที่จังหวัดชุมพร ประมาณ 230,620 ไร่ ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับลงวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2537 ราชกิจจานุเบกษา หน้า 25 เล่ม 111 ตอนที่ 42 ก. วันที่ 6 กันยายน 2537 เป็น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือเนื่องจากพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ เป็นพื้นที่แคบ และยาว ระยะทางจากเหนือสุดถึงใต้สุดประมาณ 120 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ 2 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ กล่าวคือ ท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัด สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และท้องที่จังหวัดชุมพร สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4(สุราษฏร์ธานี) ทำให้ไม่สะดวกในการบริหารจัดการ จึงกำหนดการบริหารพื้นที่ใหม่ ให้ท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ(ตอนบน) สังกัด สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และ ท้องที่จังหวัดชุมพร เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ(ตอนล่าง) สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี)- ทิศใต้ จด เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศใต้- ทิศตะวันออก จด พื้นที่ทำกินของราษฎร ท้องที่ตำบลสลุย ตำบลสองพี่น้อง ตำบลหงษ์เจริญ ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร- ทิศตะวันตก จด ประเทศเมียนม่าร์
ลักษณะภูมิประเทศ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ(ตอนล่าง) มีลักษณะแคบยาวตามแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมาร์ ในท้องที่จังหวัดชุมพร ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูงชัน ทางด้านตะวันตกค่อย ๆ ลาดเอียงไปทางด้านตะวันออก ทอดตัวในแนวเหนือใต้เรียงสลับซับซ้อน สลับกับที่ราบแคบ ๆ ระหว่างหุบเขาและลำห้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 100 ถึงจากลักษณะพื้นที่ดังกล่าว ทำให้เกิดเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่สำคัญ ในท้องที่จังหวัดชุมพร ได้แก่ คลองท่าแซะ คลองขะมิ้ว คลองรับร่อ คลองชะอาง คลองอธรรม คลองบางท่า คลองพันวาน และคลองมะละ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยลำห้วยและคลองขนาดเล็กอีกเป็นจำนวนมาก ไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำท่าตะเภา ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดชุมพร เป็นแหล่งน้ำดิบจากธรรมชาติที่สำคัญ ในการเกษตรกรรม การอุปโภคและบริโภคของประชาชนในท้องที่อำเภอท่าแซะ อำเภอปะทิว และอำเภอเมือง จังหวัดชุมพร
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) อยู่ในเขตร้อน(Tropical Climate) มี 2 ฤดูกาล อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณลักษณะพืชพรรณและป่าไม้
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ เคยถูกวาตภัยใต้ฝุ่น เกย์ พัดผ่านเมื่อเดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2532 หลังจากนั้นมีการทำไม้ที่โค่นล้มออก ทำให้สภาพป่าซึ่งเดิมเป็นป่าดิบชื้น ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันสามารถจำแนกชนิดป่าได้เป็น 3 ชนิด คือ1. ป่าดิบชื้น (Moist Evergreen Forest ) เป็นป่าไม่ผลัดใบ มีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่นทั้งไม้เด่นและไม้พื้นล่าง มีสภาพรกทึบ ซึ่งพบมากที่สุด มีพันธุ์ไม้เด่นที่สำคัญ เช่น ยางนา (Dippterocarpus alatus) ยูง (Dipterocarpus grandiflorus) ตะเคียนทอง (Hopea odorata) ไข่เขียว (Parashorea stellata) ยางเสียน (Dipterocarpus gracilis) ยางวาด (Dipterocarpus chataceus) สยาขาว (Shorea assamica) ตะเคียนราก (Shorea foxworthyi) แอ๊ก (Shorea gluca) อินทนิลน้ำ (Lagerstroemia spisiosa) กระบาก (Anisoptera cochinchinensis) ฯลฯ มีพันธ์ไม้รองทีสำคัญ เช่น นาคบุด (Mesua nebosa) หว้าชนิดต่าง ๆ (Euginia spp.) สังเครียด (Aglaia spp.) มังคุดป่า (Gacinia costata) ชะมวง (G. cowa) มะไฟ (Baccarea ramiflora) ฯลฯ และไม้พื้นล่าง ได้แก่ พืชสกุลหวาย (Calamus spp.) เช่น หวายขี้เสี้ยน หวายกำพวน หวายงวย ฯลฯ พืชสกุลปาล์ม (Palmaceae) ได้แก่ ค้อ, หมากพน, ต๋าว, กะพ้อ, ฯลฯ พืชสกุลขิงข่า (Zingiberraceae) เช่น เปราะป่า ปุดใหญ่ ปุดคางคก เร่ว ข่าดง ข่าป่า ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเถาวัลย์ชนิดต่าง ๆ เช่น ส้มเสี้ยว กะไดลิง สะบ้า ฯลฯ และยังมีไม้ไผ่อีกหลายชนิด เช่น ไผ่ผาก ไผผาก ไผ่ป่า ไผ่คายขาว ไผ่คายดำ ไผ่เกียบ ฯลฯ ส่วนป่าดิบชื้นที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรมกรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือบางแห่งมีชนิดของพันธ์ไม้คล้านกับพันธ์ไม้ที่พบในป่าผสมผลัดใบในระดับต่ำมีพันธ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ตะแบกใหญ่ (Lagerstroemia calyculata) ซ้อ (Gmelina arborea) งิ้ว (Bombax inaigne) สมอไทย (Terminalia chebula) มะค่าโมง (Afzelia xylocarpa) เสลา (Lageratroimia tomentosa) และมีไม้ไผ่ขึ้นผสมอยู่หลายชนิด เช่น ไผ่ป่า (Bambusa arundinacea) ไผ่ไร่ (Gigantochloa albociliate) ไผ่รวก (Thyrsostachys siamensis) ไผ่หนาม ฯลฯ แต่มักพบขึ้นอยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ และพบน้อยมาก เมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ2. ทุ่งหญ้าและไร่ร้าง (Grass Land and Shifting Cuitivation) ส่วนใหญ่เกิดจากการบุกรุกทำลายป่าของราษฎรในพื้นที่ เพื่อทำการเกษตรกรรมแล้วทิ้งร้างไป เมื่อถึงฤดูแล้งบางปีเกิดไฟป่าไหม้รุนแรง พบบริเวณทับสังกะสี และทับอินทนิล อยู่บริเวณตอนกลางของพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ สำหรับพันธ์พืชที่สำคัญที่พบในทุ่งหญ้า ได้แก่ หญ้าคา (Imperata cylindrica) สาบเสือ (Eupatorium odoratum) ต้นอ้อหรือพง (Saccharum fuscusm) พืชในสกุลขิงข่า ฯลฯ และไผ่เกรียบ ขึ้นอยู่บริเวณรอบ ๆ ทุ่งหญ้า ส่วนสังคมพืชที่เป็นไร่ร้างมีพันธ์ไม้ที่สำคัญส่วนใหญ่เป็นไม้เบิกนำ ได้แก่ พังแหร (Trema orientalis) กระทุ่มน้ำ (Mitragyna javanica) ลำพูป่า (Duabanga spp.) ปอตองแตก (Baliospermum montanum) ปอตูบหูช้าง (Sterculia villosa) ตะขบป่า กล้วยป่าชนิดต่าง ๆ เฟิร์นไผ่ชนิดต่าง ๆ พืชในสกุลขิงข่า ฯลฯ มีลูกไม้ (Seeding) ของพันธ์ไม้ป่าดิบชื้นอีกหลายชนิด เช่น ยางนา ยูง ยางเสียน กระบาก ไข่เขียว อินทนิลน้ำ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีพืชเกษตรที่เหลืออยู่ เช่น มะม่วง สะตอ มะขาม มะพร้าว ปาล์ม ฯลฯ
3. ป่าเหล่าหรือป่ารุ่นใหม่ (Secondary Growth) เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ เป็นพื้นที่ที่เคยถูกพายุไต้ฝุ่นเกย์พัดผ่าน เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2532 ทำให้พื้นที่ป่าส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากหลังจากนั้น มีการให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาทำไม้ออกจากบริเวณพื้นที่ที่ถูกวาตภัย หลังจากทำไม้เสร็จ ก็เกิดไฟป่าไหม้อีกหลายครั้ง และราษฎรบุกรุกพื้นที่เพื่อทำการเกษตร ปัจจุบันคงเหลือเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยานเสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ บางส่วน สำหรับพันธ์ไม้ที่พบขึ้นอยู่ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นพันธ์ไม้เบิกนำ (Pioneer Species) ได้แก่ พังแหร กระทุ่มน้ำ ลำพูป่า ปอตองแตก ปอตูบหูช้าง ตะขบป่า กล้วยป่าชนิดต่าง ๆ ไม้สกุลขิงข่า เฟิร์น ไม้ไผ่ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ ไม้สกุลปาล์ม ลูกไม้ (Seedling) ของสังคมพืชเดิม ได้แก่ ยาง ยูง อินทนิลน้ำ ไข่เขียว ฯลฯ และพวกหญ้าชนิดต่าง เช่น หญ้าคา สาบเสือ อ้อหรือพง ฯลฯ
ทรัพยากรสัตว์ป่า
เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรป่าไม้และเชื่อมต่อกับป่าผืนใหญ่ของประเทศเมียนมาร์ เหมาะที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า สำหรับสัตว์ป่าที่สำคัญ ได้แก่ ช้างป่า (Elephas maximus) สมเสร็จ (Tapirus indicus) กระทิง (Bos gaurus) เลียงผา (Capricornis sumatraensis) วัวแดง (Bos javanicus) เก้งหม้อ (Muntiacus feae) เสือโคร่ง (Panthera tigris) เสือดาวหรือเสือดำ (Panthera pardus) เสือลายเมฆ (Neofelis nebulosa) หมีควาย (Selenarctos thibetanus) หมีคนหรือหมีหมา (Helarctos malayanus) และสัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ อีกหลายชนิด เช่น สัตว์ในวงศ์ลิง (Cercopithecidae) เช่น ลิงกัง , ลิงเสน ฯลฯ วงศ์ชะมด (Viverridae) ชะมดเช็ด ชะมดแผงหางปล้อง ฯลฯ วงศ์กระรอก (Sciuridae) เช่น พญากระรอกดำ พญากระรอกบินหูดำ ฯลฯ เป็นต้น
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ
จังหวัดชุมพรและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เป็นหน่วยงานในสังกัด ฝ่าย จัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กรมป่าไม้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยในปี พ.ศ. 2529 กรมป่าไม้ ได้ดำเนินการสำรวจความเหมาะสม สภาพภูมิประเทศของป่าสงวนแห่งชาติ
ป่ารับร่อและป่าสลุย เพื่อจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย และรักษาไว้ซึ่งพันธุ์ของสัตว์ป่า ทั้งนี้เนื่องจากสภาพภูมิประเทศ เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้น ป่าเบญจพรรณ
และที่ราบ ทุ่งหญ้า เป็นป่าต้นน้ำที่สำคัญหลายสาย เป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ จึงมีสัตว์ป่าสงวนและ สัตว์ป่าอื่น นานาชนิดชุกชุม ครั้นในปี
พ.ศ. 2531 จึงได้มีพระราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินป่าคลอง รับร่อฝั่งขวา ท้องที่ตำบลสลุย และตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เนื้อที่ประมาณ 283,750 ไร่ หรือประมาณ 454 ตารางกิโลเมตร ตามพระราชกฤษฎีกา ฉบับลงวันที่ 15
มีนาคม พ.ศ. 2531 ราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ หน้า 1 เล่ม 105 ตอนที่ 45 วันที่
23 มีนาคม พ.ศ. 2531 เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ตามหนังสือสำนักราชเลขา ที่ รล 0003/5083 ลงวันที่ 15 เมษายน 2529 เรื่อง พระราชทานชื่อเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าในท้องที่ จังหวัดชุมพร และเมื่อวันที่ 4
พฤศจิกายน 2532
ได้เกิดพายุใต้ฝุ่น เกย์ พัดอย่างรุนแรง ทำให้ป่าไม้ถูกพัดโค่นทำลายเสียหายเป็นจำนวนมาก กรมป่าไม้ ได้อนุญาตให้ทำไม้ที่ถูกพายุพัดโค่น และราษฎรได้บุกรุกทำลายยึดถือครองที่ดินทำกินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้ถูกบุกรุกมาก่อนแล้วตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2527 จึงทำให้เกิดปัญหากับราษฎร และพื้นที่บางส่วนก็เป็นที่ประทานบัตรเหมืองแร่ ในปี พ.ศ.
2536 กรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการสำรวจ
พื้นที่ที่ราษฎรบุกรุกทำลายยึดถือครอบครองทำกิน และพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ในป่าสงวน
แห่งชาติ ป่าเขาไชยราชและป่าคลองกรูด จึงได้ทำการเพิกถอนพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกทำลาย ยึดถือครอบครองทำกินบางส่วน ในท้องที่จังหวัดชุมพร ที่ประทานบัตรเหมืองแร่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผนวกพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ในท้องที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ทิศเหนือ จดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร ด้านทิศเหนือ
(ตอนบน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ภาพด้านล่างนี้ เป็นภาพพื้นที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน
เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพร
ด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) จังหวัดชุมพร ซึ่งจะสังเกตได้ว่าสภาพป่าส่วนใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์มาก สามารถพบเห็นสัตว์ป่าอยู่หลากหลายชนิด และได้รับคำบอกเล่าจาก นายจิรศักดิ์ จารุศักดาเดช หน.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อุทยาน เสด็จในกรม กรมหลวงชุมพรด้านทิศเหนือ (ตอนล่าง) ว่าขณะขึ้นบินสำรวจโดยเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพย์ฯ ว่ายังพบฝูกนกเงือกอยู่หลายฝูง ซึี่งแสดงว่าถ้าพบฝูงนกชนิดนี้บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่ายังมีอยู่มาก แต่ก็บางจุดโดนกลุ่มคนที่ไม่มีจิตรักษ์ในทรัพยากรธรรมชาตินี้ ลักลอบแผ้วถาง โค่น จุดไฟเผาป่า และทำการเกษตร ปลูกสร้่างที่พักอาศัยในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ตัวอย่างภาพนี้สภาพป่ายังสมบูรณ์มากๆ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น