วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทสจ.ชุมพร ประชุมชี้แจงนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

               เมื่อวันนี้ (2  มิ.ย.  57)  เวลา 13.30 น.  ที่ห้องประชุมเกาะมัตตรา ศาลากลางจังหวัดชุมพร   ได้มีการประชุมชี้แจงนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

             โดยนายขจรศักดิ์  ละอองเทพ  ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร (ทสจ.ชุมพร) ประธานในที่ประชุม    ในการประชุมเพื่อชี้แจงนโยบายฯในครั้งนี้ สืบเนื่องจากทาง ทสจ.ชุมพร ได้รับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรในการประชุมชี้แจงนโยบาย และแนวทางปฏิบัติราชการ เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อย และการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 29 พฤษภาคม 2557 เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมเกาะเสม็ด ศาลากลางจังหวัดชุมพร และได้รับมอบนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ  

             ในการประชุมครั้งนี้ ทาง ทสจ.ชุมพร ยังได้เชิญผู้บริหารระดับ ผอ.สำนักฯ ผอ.ส่วน ซึ่งเป็นตัวแทนทั้งของกรมอุทยานฯ, กรมป่าไม้ และกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง เช่น  นายฐากร ล้อมศตพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4  (สุราษฎ์ธานี)       นายสมชาย เลขาวิวัฒน์ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎ์ธานี)    และนายบรรณารักษ์  เสริมทอง ผอ.ส่วนบริหารจัดการป่าชายเลน ที่ 4 เพื่อร่วมชี้แจงนโยบาย    โดยเชิญหัวหน้าหน่วยงานทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชุมพรมาเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังนโยบายในครั้งนี้


              ประธานในที่ประชุมได้เน้นหนักให้ทุกหน่วยงานทำงานแบบบูรณาการในการทำงานป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติ  ในช่วงเวลานี้เพราะถือว่าเป็นช่วงที่ดีในการบังคับใช้กฎหมายเพราะหน่วยงานหลักคือทหาร กอ.รมน ในพื้นที่ชุมพร  หน่วยงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ต้องทำงานร่วมกันหลายๆ ฝ่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ กรมทรัพยากรทางทะเลฯ จึงจะสำเร็จลุล่วงไปได้ ด้วยดี 





         นายฐากร  ล้อมศตพร                         
   ในการประชุมชี้แจงนโยบายนี้  นายฐากร ล้อมศตพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4  (สุราษฎ์ธานี)  ในฐานะผู้ร่วมชี้แจงนโยบาย และผู้บริหารหน่วยงานของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในความควบคุมดูแล ในเขตรับผิดชอบ 3 จังหวัด คือ จ.ชุมพร  จ.ระนอง และ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ชี้แจงและกำชับเน้นหนักให้หน่วยงานที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชา ว่า " ในการทำงานป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติต้องทำแบบจริงจัง ถ้าไม่จริงจังแล้วป่าไปไม่รอด ป่าอยู่ไม่ได้แน่นอน สาเหตุมาจากอะไรบ้างผมพอจะรู้ดี สาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ของเราเองส่วนหนึ่ง ซึ่งบางส่วนผมได้แก้ไขไปบ้างแล้ว แล้วยังมีสาเหตุอีกหลายสาเหตุเช่นการต้องการใช้ที่ดินของราษฎร เพื่อใช้ในทางเศรษกิจเนื่องจากที่ดินมีราคาแพง และเพื่อเกษตรกรรมบ้าง ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่กรมอุทยานฯพยามแก้ไขมาโดยตลอด  แต่ถึงอย่างไรก็ปล่อยให้ทำกันอย่างอิสระแบบไม่มีกฎหมายคงเป็นไปไม่ได้ และ นายฐากร ยังกล่าวต่ออีกว่า ในกิจกรรมปลูกจิตสำนึก หรือการอบรมสร้างเครือข่ายต่างๆ  ส่วนหนึ่งก็น่าจะได้ประโยชน์บ้าง และเคยมีการพูดกันว่า "ไม่มีเหตุผลใด มาขัดแย้งกับผลประโยชน์ได้ "  การปลูกจิตสำนึกของคนทั่วไปอาจจะได้บ้างแต่ก็อย่าคาดหวังสูง เน้นมาปลูกจิตสำนึกในตัวเจ้าหน้าที่ก่อนดีกว่า เพราะเคยเห็นมาตลอดว่าหน่วยงานต่างๆ มุ่งแต่สร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนทั่วไป แต่ไม่เคยคิดสร้างจิตสำนึกให้กับตัวเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของตัวเอง สำหรับเรื่องปลูกจิตสำนึกแก่ตัวเจ้าหน้าที่น่าจะต้องพิจารณาก่อนอื่นใด และในการทำงานต้องร่วมมือกัน เป็นหูเป็นตาให้กัน ถึงแม้บางพื้นที่ไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบโดยตรงก็ตาม  แต่ถึงไม่ใช่หน้าที่ แต่ก็ถือว่าเป็นภาระ ที่ต้องบอกกล่าวกันเมื่อมีการบุกรุกทำลายป่า และต้องทำร่วมกันเพราะสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4  (สุราษฎ์ธานี) ได้ ทำ MOU จับมือกันในการทำภารกิจเรื่องนี้ 9 หน่วยงานหลักด้วยกัน "  นายฐากรกล่าว 




              ตามความเห็นของผู้เขียนเองและเท่าที่สัมผัส และใกล้ชิดกับการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติระดับล่าง  ปัญหาและอุปสรรคส่วนหนึ่งและน่าจะเป็นปัญหาอุปสรรคอันดับต้นๆ ก็ว่าได้ เนื่องจากมีการแยกกรมป่าไม้  ที่แยกออกมาจากกรมป่าไม้เดิม เป็น 3 กรม คือกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง   คือการทำงานที่ซ้าซ้อนพื้นที่กัน เกิดการแบ่งแยกของตัวบุคลากรที่ปฏิบัติ   จากคนที่เคยอยู่กรมเดียวกันมา แต่พอมีการแยกกรม การมีความรักสามัคคีก็ลดลง เกิดการเกี่ยงพื้นที่รับชอบกัน เกิดความเหลื่อมล้ำ   จากที่เคยเป็นกรมป่าไม้อยู่ดีๆ ก็อาจเป็นเหตุผลทางการเมือง  ผลประโยชน์ทางการเมือง ของนักการเมือง  เพื่อให้มีที่นั่งเพิ่ม หรือเหตุผลกลใดอะไรก็แล้วแต่ และไม่ได้สนใจที่จะมาดูแลทรัพยากรธรรมชาติแบบจริงจัง จริงใจ  เลยอยากให้ทางกรมป่าไม้ และกรมอุทยานฯ ดำเนินการยุบรวมกรมให้เป็นรูปธรรมเสียที ทั้งๆที่ ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2555  ได้มีมติ ครม.ยุบรวมกรมป่าไม้ กรมอุทยานฯแล้ว แต่เรื่องก็เงียบไป และอยากให้ ผู้มีอำนาจของ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ ยื่นเรื่องยุบรวมต่อปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อยื่นเสนอต่อ คณะ คสช. ในวาระป่าไม้แห่งชาติ เพื่อมาแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ผ่านไปโดยเร็ว.

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...