อนึ่ง ในการตรวจยึดครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจยึดได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ มิได้บังคับขู่เข็ญ ให้คำมั่น หลอกลวง ทรมาน ใช้กำลังบังคับหรือกระทำการโดยมิชอบประการอื่นใด อีกทั้งมิได้ทำให้ทรัพย์สินของผู้ใด เสียหาย หรือสูญหาย หรือเสื่อมค่าอย่างหนึ่งอย่างใด หรือเรียกร้องเอาทรัพย์สินใดๆ มาเป็นประโยชน์ส่วนตัว เจ้าหน้าที่ที่ร่วมตรวจยึดจึงร่วมลงลายชื่อไว้เป็นหลักฐาน และได้นำเรื่องราวเข้าส่งพนักงานสอบสวน สภ. สลุย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และงานสวนป่าฯ จะปลูกป่าทดแทนพื้นที่ที่ถูกบุกรุกนี้ตามแผนการดำเนินการต่อไป
เจ้าหน่้าที่ที่ได้ร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดว่าด้วยการป่าไม้ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ารับร่อ-สลุย
บริเวณสวนป่าสลุย-ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และเป็นป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ตรวจพบการกระทำผิดบริเวณแปลงปลูกสร้างสวนป่าแปลงปี 2527 สวนป่าสลุย-ท่าแซะ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบว่ามีการปักหลักหมายแนวแล้วนำต้นปาล์มน้ำมันมาปลูกไว้ในพื้นที่เพื่อหวังยึดถือครอง และบางแปลงได้มีการปลูกสิ่งก่อสร้างเช่นบ้านพักชั่วคราว และเป็นลักษณะถาวร จำนวน 2 หลัง ขณะเข้าตรวจสอบไม่พบผู้ใดอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด
คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว
มีความเห็นร่วมกันว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิดดังนี้
1.“ยึดถือครอบครองหรือทำประโยชน์หรืออาศัยในที่ดิน
ก่นสร้างแผ้วถาง เผาป่า ทำไม้หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ”
2.“ร่วมกันก่นสร้าง
แผ้วถางเผาป่า หรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่าไม้ หรือเข้ายึดถือครอบครองเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ.2507
มาตรา 14และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484
มาตรา 54 และมาตรา 55
3.
“บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา”
คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ทั้ง 6 แปลง รวมประมาณ 200 กว่าไร่ ในการนี้ทำให้รัฐได้รับความเสียหายคิดเป็นเงินเกือบ 14 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดพื้นที่ คณะเจ้าหน้าที่ฯพิจารณาแล้วจึงได้จัดทำบันทึกการตรวจยึด แผนที่สังเขปแสดงบริเวณที่เกิดเหตุ
บัญชีทรัพย์สินของกลางและภาพถ่ายในที่เกิดเหตุแล้วมอบหมายให้ นายรังสรรค์ มหานิล หัวหน้างานสวนป่าสลุย-ท่าแซะ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เขตภาคใต้
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2547
เป็นผู้นำเรื่องราวเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสลุย
เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป.
1 ความคิดเห็น:
ข้อเสนอแนะครับ...เรื่องแนวเขตป่าไม้ก็สำคัญมาก...พราะเป็นข้ออ้างว่าไม่ทราบแนวเขต..ไม่เห็นมีรั้วหรือป้ายแสดงแนวเขตป่าไม้ที่ชัดเจน...ท่านอธิบดีทั้ง2กรม..กรมป่าไม้/กรมอุทยานฯ...โปรดสั่งการให้หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า/หัวหน้าอุทยานฯ/หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า...นำเมล็ดพันธ์ไม้ยืนต้นและโตเร็ว..ไปหว่านหรือเพาะชำที่หน่วย..เมื่อกล้าไม้โตขึ้นก็ให้นำไปปลูกตามแนวเขตป่าไม้...ซึ่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องรู้แนวเขตอยู่แล้ว...เมื่อต้นไม้โตขึ้นใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงเรื่องแนวเขตป่าไม้ได้ไงครับ....ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณ....เรื่องง่ายๆๆท่านอธิบดีทำได้ไหมครับ
แสดงความคิดเห็น