วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พยัคฆ์ไพรเตรียมยุทธการยึดคืนผืนป่า เผยมีรุกป่าแล้ว5พันไร่ แฉ12 จว.ขั้นวิกฤต

     

อธิบดีป่าไม้เผยทีม"พยัคฆ์ไพร"ยึดคืนรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติแล้ว 5 พันไร่ อยู่ระหว่างฟ้องร้อง 17,000 ไร่ ชี้ทั่ว ปท.ประกาศพื้นที่วิกฤตไม้ถูกทำลายรุนแรง 12 จังหวัด



เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า วันที่ 13 สิงหาคม กรมป่าไม้จะประชุมร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อทำแผนปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์ ที่ ทส.นำเสนอแผนแม่บทต่อ กอ.รมน.เรื่องการแก้ไขปัญหาทรัพยากรป่าไม้ การบุกรุกพื้นที่รัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบยั่งยืน โดยเวลานี้กรมป่าไม้ได้เสนอยุทธศาสตร์เร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ 4 ข้อด้วยกัน คือ 1.ผนึกกำลังป้องกันและปราบปรามการบุกรุกที่ดิน และทรัพยากรป่าไม้ 2.การปลูกจิตสำนึกรักษ์ผืนป่าและแผ่นดิน 3.การปฏิรูประบบการพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และ 4.การฟื้นฟูและดูแลรักษาป่าไม้อย่างยั่งยืน

"กรมป่าไม้ได้สำรวจและแบ่งพื้นที่สำหรับจัดการ การบุกรุกทำลายป่าออกเป็น พื้นที่วิกฤตรุนแรง คือ มีการลักลอบตัดไม้ และบุกรุกพื้นที่ป่ารุนแรงทั้งหมด 12 จังหวัด ประกอบด้วย เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย น่าน ลำปาง อุบลราชธานี นครราชสีมา เลย กระบี่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และตาก พื้นที่ที่วิกฤตรองลงมา มี 33 จังหวัด เช่น กาญจนบุรี กำแพงเพชร เพชรบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยภูมิ ชุมพร ภูเก็ต เป็นต้น ที่เหลืออีก 31 จังหวัดเป็นพื้นที่วิกฤตทั่วไป เช่น นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด ระยอง เป็นต้น สรุปคือทุกจังหวัดมีปัญหาเรื่องการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อใช้ประโยชน์ทั้งหมด แต่มีความรุนแรงมากน้อยต่างกันเท่านั้น ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาระดับชาติที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันระงับอย่างเร่งด่วนที่สุด" อธิบดีกรมป่าไม้กล่าว

นายธีรภัทรกล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่กรมป่าไม้พร้อมกับทีมพยัคฆ์ไพรได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการเชิงลึกเพื่อทวงคืนผืนป่ากลับมา ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมถึง ปัจจุบันนั้นสามารถยึดคืนพื้นที่ป่าในส่วนของพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติมาแล้วประมาณ 5,000 ไร่ คือ ที่ จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช กระบี่ และสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อยึดพื้นที่คืนแล้วอีก 17,000 ไร่ และมีอีกจำนวนมากที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องร้องเพิกถอน

"ที่ จ.พิษณุโลก ที่เข้าไปตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าวังทองฝั่งขวานั้น ยึดคืนอย่างเป็นทางการจากนายทุนรายใหญ่ 2 พันไร่ อีก 1 พันไร่ เจ้าของที่เอาเอกสารสิทธิ น.ส.3 มาอ้าง แต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมเรื่องที่มาที่ไปของเอกสารดังกล่าวอยู่ ส่วนที่ จ.สระบุรี โรงปูนทั้ง 2 แห่ง คือ พีทีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) และปูนซิเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ก็อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดี บริเวณใดที่แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศยืนยันชัดว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก็ยึดกลับคืนมา เพื่อเตรียมฟื้นฟูต่อไป ส่วนพื้นที่ใดมีการต่อสู้จากผู้บุกรุกก็ต้องพิสูจน์ตามขั้นตอนต่อไป" นายธีรภัทรกล่าว

นายธีรภัทรกล่าวอีกว่า กรณีที่มีข่าวการลักลอบนำไม้พะยูงของกลางไปขายในท้องที่ จ.นครพนมนั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาแล้ว คดีอยู่ในระหว่างการสอบสวนหาผู้กระทำผิด กรมป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีและได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะเร่งผลการตรวจสอบว่ามีผู้ใดที่มีส่วนรู้เห็นและมีความผิดบ้าง จะได้มีการลงโทษทางวินัยและคดีอาญาโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ได้กำชับให้ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้และหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าทั่วประเทศ เฝ้าระวังและดูแลป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำไม้ของกลางไปขาย หากปล่อยปละละเลยให้มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจะลงโทษขั้นสูงสุด

อธิบดีกรมป่าไม้กล่าวอีกว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีดำริที่จะทำโครงการศาสนาค้ำพะยูงร่วมกับกรมป่าไม้ โดยก่อนหน้านี้กรมป่าไม้ได้เพาะพันธุ์ไม้พะยูงเอาไว้ประมาณ 10,000 ต้น อายุ 6 เดือน สูงประมาณ 1 เมตร และนำไปปลูกที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ 100 ต้น โดยในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชจะนำไม้พะยูง 10,000 ต้นไปมอบให้กับเจ้าคณะจังหวัดทั่วประเทศ ที่จะเดินทางมาประชุมร่วมกันที่พุทธมณฑล เพื่อนำไปปลูกในวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

ส่วนความคืบหน้าเจ้าหน้าที่ตรวจยึดบ้านไม้ทรงไทยหรู มูลค่า 70 ล้านบาท และสวนยางพารา 528 ไร่ ซึ่งบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าดงปากชม บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยชมแล้ง หมู่ 10 บ้านโนนภูทอง ต.ธาตุ อ.เชียงคาน จ.เลย เหตุเกิดวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น

นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเลย เปิดเผยว่า ขั้นตอนหลังจากกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดเสร็จแล้ว ประกอบด้วยบ้านทรงไทย 1 หลัง บ้านพักคนงาน 2 หลัง พื้นที่ตรวจยึด 661-3-14 ไร่ ผู้ถูกจับกุม 10 คน ผู้ถูกกล่าวหา 1 คน ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ คือ นายชลิต บุญสา ชาว จ.สุราษฏร์ธานี เป็นคนขอเลขที่บ้านหรู ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคานดำเนินคดี จากนั้นได้นำป้ายไปปิดประกาศห้ามเข้าทำประโยชน์เด็ดขาดพร้อมส่งหมายเรียกให้เจ้าของ (นายชลิต บุญสา) มาแสดงตัวรับข้อกล่าวหาภายใน 45 วัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตัดโค่นต้นยางพาราไปแล้ว 150 ไร่

"ส่วนการรื้อถอนบ้านนั้น หากครบกำหนด 45 วันที่ส่งหมายเรียก หากผู้ถูกกล่าวหาไม่มาแสดงตัวเจ้าหน้าที่จะรื้อถอนพร้อมเรียกค่าใช้จ่าย ส่วนสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าหน้าที่รื้อถอนนั้นเป็นการรื้อถอนแบบวิญญูชน หมายความว่า สิ่งที่เป็นไม้เราจะเก็บไว้ ส่วนที่เป็นปูนไม่สามารถเป็นชิ้นส่วนได้จะทำลายเพื่อให้พื้นที่กลับคืนสู่ธรรมชาติเช่นเดิม" นายยงยุทธกล่าว


ขอขอบคุณ ที่มา..มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1407844598&grpid&catid=19&subcatid=1904

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...