สตง.เปิดผลสอบงานจัดทำแนวเขตในพื้นที่ป่าไม้ ก.ทรัพย์ฯ ช่วงปี
43-55 ทุ่มงบประมาณสูง 3.3 พันล้าน
พบงานไม่บรรลุผลสำเร็จ บางโครงการเกิดความล้มเหลว จี้ "นายกฯ
ประยุทธ์"เคลียร์
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ได้สรุปผลการตรวจสอบการดำเนินงานการจัดทำแนวเขตในพื้นที่ป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงปีงบประมาณ 2543 –
2555 ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณ รวมเป็นเงินไม่น้อยกว่า
3,356.14 ล้านบาท
พบว่าการดำเนินกิจกรรมปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ในอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จได้
บางโครงการเกิดความล้มเหลว หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่บรรลุผลสำเร็จ
สตง.ระบุว่า การดำเนินโครงการเพื่อปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ที่ประสบความล้มเหลวและยุติโครงการ
ซึ่งมีการใช้จ่ายเงินทั้งสิ้นประมาณ 526.55 ล้านบาท ได้แก่
โครงการจัดทำแนวเขตและเพิ่มประสิทธิภาพการคุ้มครองพื้นที่ป่าไม้
ภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคการเกษตร (ASPL)ปีงบประมาณ
2543 – 2546 ดำเนินการได้เพียงปีงบประมาณ 2545 โดยใช้จ่ายเงิน 172.20 ล้านบาทแต่ไม่สามารถดำเนินโครงการต่อไปได้
เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณต่อเนื่อง
และมีการแบ่งส่วนราชการใหม่ทำให้การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบไม่ชัดเจน
โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่สามารถใช้ประโยชน์หรืออ้างอิงในทางปฏิบัติได้อย่างแท้จริง
และยังคงมีการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวอีกในระยะต่อมา
ส่วนโครงการจัดทำแผนที่ฐานในการกำหนดแนวเขตการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ที่ดิน (โครงการ Reshape) ปีงบประมาณ
2548 – 2552 ซึ่งการดำเนินโครงการยังไม่แล้วเสร็จ
ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์
คุณกิตติ) ให้ยกเลิกการดำเนินโครงการ
และให้ใช้ผลการดำเนินการตามโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศ
ของสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 มาพิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับโครงการซึ่งยังอยู่ระหว่างดำเนินการมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์
ได้แก่
โครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศปีงบประมาณ 2552 – 2555 โดยสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ดำเนินการ
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสิ้น 2,356.80 ล้านบาท พบว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้การดำเนินกิจกรรมจัดทำแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ตามโครงการเร่งด่วนฯ
ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้
สตง.ยังระบุด้วยว่า หน่วยงานหลักที่มีภารกิจโดยตรง ยังไม่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับการปรับปรุงแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
นำไปสู่การแก้ไขกฎหมายและแผนที่ที่สามารถบังคับใช้ได้ทางกฎหมาย กล่าวคือ
แนวเขตพื้นที่ป่าไม้ตามระวางแผนที่ที่ใช้อ้างอิงในทางปฏิบัติไม่ตรงกับแนวเขตพื้นที่ป่าไม้ตามกฎหมาย/มติคณะรัฐมนตรี
พื้นที่บริเวณแนวเขตป่าไม้กับพื้นที่ทำกินหรือที่อยู่อาศัยของราษฎรบางส่วนยังทับซ้อนกันอยู่
ยังไม่สามารถตรวจสอบพิสูจน์สิทธิการครอบครองพื้นที่ที่ชัดเจนได้และหน่วยงานของรัฐมีพื้นที่ในความรับผิดชอบทับซ้อนกัน
โดยแต่ละหน่วยงานยังไม่ได้ปรับปรุงข้อมูลแผนที่ที่แสดงขอบเขตที่ดินในความรับผิดชอบอย่างชัดเจน
เป็นมาตรฐานเดียวกัน
เบื้องต้น สตง.มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านป่าไม้
ได้แก่ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พิจารณาดำเนินการดังนี้
1. นายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดำเนินการดังนี้
1.1 กำหนดนโยบายให้ชัดเจน
หรือกำหนดกลยุทธ์ในการจัดการทางกฎหมายกับผู้ที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้
ทั้งกรณีผู้ที่อยู่มาก่อนหรือหลังการประกาศเขตป่าไม้ ทั้งผู้ที่มีเอกสารสิทธิหรือไม่มีเอกสารสิทธิแสดง
ตลอดจนการจัดการด้านที่ดินทำกินให้กับราษฎรในภาพรวมของประเทศ
1.2 เร่งรัดดำเนินการตรวจสอบพิสูจน์สิทธิการครอบครองของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายโดยเร็ว
1.3 แต่งตั้ง มอบหมายผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ
จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์/มาตรฐานในการถ่ายทอดเส้นแนวเขตพื้นที่ป่าไม้
และให้มีกฎหมายรองรับ
ที่มา...
%2Bcopy.jpg)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น