เปิดมาตรการป้องกันทุจริตบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
"ป.ป.ช." ชงเป็นวาระแห่งชาติ "ครม.ประยุทธ์"เห็นชอบแล้ว
เผยภารกิจ 3 ด้าน "นโยบาย-บริหารจัดการ-กฎหมาย" ให้ยุบรวมกรมป่าไม้
-อุทยาน ขีดเส้น ส.ป.ก.
จัดสรรพื้นที่ภายใน 1 ปี ห้ามซื้อขายเปลี่ยนมือ จัดการนายทุนบุกรุกที่ขั้นเด็ดขาด
เพิ่มขวัญกำลังใจจนท.ลาดตะเวน "รถ-ปืน-อุปกรณ์ไฮเทค-เงินรางวัล"
ต้องพร้อม
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการป้องกันการทุจริตและบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำเสนอใน 3
ด้าน คือ มาตรการด้านนโยบาย มาตรการด้านบริหารจัดการ และมาตรการด้านกฎหมาย พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ตามนัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 19 (11) ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.
เสนอ
ทั้งนี้ ป.ป.ช.
ระบุเหตุผลในการออกมาตรการเรื่องนี้ว่า
ปัจจุบันปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ทวีความรุนแรงขึ้น
ทั้งที่เกิดจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ และพืชเศรษฐกิจ
เช่น ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ฯลฯ
ของเกษตรกรในพื้นที่เองหรือมีผู้มีอิทธิพลให้การสนับสนุนโดยการกว้านซื้อที่ดินที่ชาวบ้านบุกรุกไว้แล้ว
หรือใช้วิธีจ้างวานให้ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่
ทั้งเพื่อการเกษตรกรรมและการสร้างที่พักอาศัยรีสอร์ท มีการลักลอบทำไม้
ตัดไม้โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม้พะยูง เพื่อส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างประเทศเวียดนามและจีน ผ่านทางแม่น้ำโขง เนื่องจากไม้พะยูงมีราคาสูง
สาเหตุที่สำคัญในการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
คือ
การที่กลไกหลักในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ขาดประสิทธิภาพ
กล่าวคือ การดำเนินงานของภาครัฐที่ผ่านมาขาดความเป็นเอกภาพ
นโยบายขาดความชัดเจนและต่อเนื่อง หน่วยงานที่รับผิดชอบขาดแคลนทรัพยากรทางการบริหาร
ทำให้ไม่สามารถใช้อำนาจตามกฎหมายได้อย่างเต็มที่
กฎหมายมีบทลงโทษต่ำและขาดการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของรัฐบางส่วนมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดทุจริตหรือเกรงกลัวอิทธิพล
รวมถึงเมื่อจะกระทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกลับมีแรงเสียดทานจากสังคม
ทำให้เกิดการละเลยต่อการบังคับใช้กฎหมาย
ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อมต่อประเทศในวงกว้าง
คณะกรรมการ ป.ป.ช.
จึงได้ศึกษาปัญหาทั้งระบบ ทั้งด้านมาตรการป้องกันการทุจริต
และมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
เพื่อไม่ก่อให้เกิดปัจจัยที่เอื้อต่อการทุจริต
โดยใช้หลักความชอบด้วยกฎหมายของการกระทำทางปกครอง และทฤษฎีการบริหารธรรมาภิบาล (Good
Governance) เป็นกรอบแนวคิด รวมทั้งศึกษากฎหมาย
กฎกระทรวงระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการต่างๆ นั้น
ป.ป.ช. ระบุว่า
รัฐบาลต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่าไม้
เช่น การรวมกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเข้าด้วยกัน
เพื่อให้การป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้มีเอกภาพ
และการจัดตั้งสำนักงานป่าไม้จังหวัด สำนักงานป่าไม้อำเภอ
ให้เป็นหน่วยงานส่วนภูมิภาค
เพื่อดูแลรับผิดชอบในพื้นที่โดยตรงมีความใกล้ชิดกับประชาชน
นอกจากนี้ ต้องสร้างขวัญกำลังใจ
และหลักประกันให้เจ้าหน้าที่สามารถปกป้องผืนป่าได้อย่างไม่หวั่นไหว หนักแน่นมั่นคง
โดยมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนเรื่องต่างๆ
ที่เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจการดูแลผืนป่าจำนวนร้อยละ 40
ของพื้นที่ประเทศอย่างแท้จริง
ได้แก่ โครงสร้างของหน่วยงาน
อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งที่เป็นข้าราชการและลูกจ้าง
เบี้ยเลี้ยงหรือค่าตอบแทนอื่นของแต่ละหน่วยงายที่ต้องลาดตระเวนในพื้นที่
ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการลาดตระเวนแต่ละเดือน เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงาน อาทิ
รถยนต์ อาวุธปืน และเครื่องแสดงระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (จีพีเอส)
พร้อมส่งเสริมให้มีหลักประกันสวัสดิการ
ความมั่นคงให้แก่ผู้ปฏิบัติงานและสิ่งจูงใจในการปฏิบัติงาน
ให้มีความเหมาะสมควบคู่กับการสร้างจิตสำนึกในการทำงาน
เพื่อให้บุคลากรมีขวัญและกำลังใจดที่ดี มีความหนักแน่น เช่น
เงินรางวัลสำหรับการชี้เบาะแส หรือการนำจับ เป็นต้น
ป.ป.ช.
ยังเสนอให้รัฐบาลควบคุมไม่ให้มีการปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมถึงพืชเชิงเดี่ยว
เช่น ข้าวโพด ในพื้นที่ป่าไม้อย่างจริงจริง
ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการปลูกรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรหรือผลผลิตอื่นใด
ที่ผลิตในพื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่หวงห้ามของรัฐที่ถูกบุกรุก
รวมถึงการยุติโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศของกรมที่ดิน
หากจะดำเนินการต่อต้องให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่มีส่วนรวมมากกว่าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้
ยังให้ทบทวนนโยบายการจัดการกับพื้นที่ป่าไม้ในความรับผิดชอบของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
(ส.ป.ก.) โดยให้ ส.ป.ก.เร่งรัดการจัดสรรแบ่งทีด่ินในพื้นที่
ส.ป.ก.ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
หากพ้นกำหนดเวลายังดำเนินการไม่แล้วเสร็จให้คืนที่ดินกับกรมป่าไม้
หรือกรมอุทยานแห่งชาติ ฯ เพื่อให้มีการพื้นฟูสภาพป่าต่อไป
และส.ป.ก.
ต้องดูแลเกษตรกรที่ได้รับแจกที่ดินไป ให้สามารถดำรงชีพได้
โดยไม่ต้องขายสิทธิที่ดินให้ใคร หากไม่ทำกินถือว่าสิทธิที่ได้รับหมดไป
ต้องทำการเพิกถอนสิทธิเพื่อจัดสรรแบ่งแปลงที่ดินให้ราษฎรรายอื่นต่อไป
ป.ป.ช. ยังระบุด้วยว่า
ในส่วนการดำเนินการกับผู้ที่ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติ
ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง
และควรเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ให้สูงขึ้น
กรณีที่เป็นผู้รับโอนสิทธิจากผู้บุุกรุก
โดยเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจ หรือจ้างวาน หรือส่งเสริมให้มีการบุกรุก
เพื่อที่จะได้รับโอนสิทธินั้นมาเป็นของตน ถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่ไม่สุจริต
รัฐต้องดำเนินการทางกฎหมายโดยเฉียดขาดเช่นเดียวกัน
และให้กรมสรรพากรตรวจสอบว่าผู้ประกอบการในพื้นที่ป่ามีการชำระภาษีเงินได้ถูกต้องหรือไม่ด้วย
ป.ป.ช. ระบุด้วยว่า
มาตรการป้องกันการทุจริตและบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ควรจัดทำให้เป็นวาระแห่งชาติ
มีการออกกฎหมายจัดตั้งกองทุนหรือสนับสนุนงบประมาณเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้แก่ชุมชนในการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
ลักษณะเป็นกองทุนหมุนเวียนโดยให้กระทรวงการคลังและ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันพิจารณาและควรนำรายได้จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ
และกรมป่าไม้มาใช้เพื่อกิจการของกองทุน
ส่วนมาตรการเหล่านี้
จะถูกนำไปใช้ปฏิบัติจนเกิดขึ้น เห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แท้จริง มากน้อยแค่ไหน
"สังคมไทย" คงต้องจับตาดูกันต่อไป!
ดูมาตรการฉบับเต็มที่นี่ : http://www.cabinet.soc.go.th/doc_image/2558/993121829.pdf
http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/37569-%E0%B8%B7news03_37569.html