วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

เจ้าหน้าที่ดับไฟป่า กับภารกิจที่แสนจะเหนื่อยหนัก



เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2559 เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฎิบัติการไฟป่าชุมพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดชุมพร และเจ้าหน้าที่จากเทศบาลตำบลทะเลทรัพย์  ปฏิบัติงานควบคุมไฟป่า บริเวณบ้านบ่อนก  ม.7 ต.หงษ์เจริญ  อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  พิกัด 47P 0526852 UTM 1193207  โดยได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้เวลาเมื่อเวลา 14.45 น. เข้าถึงพื้นที่และเริ่มดับเวลา 15.05 น. ดับเสร็จเวลา 18.54 น.  สภาพป่า เป็นพื้นที่สวนป่าไม้กระถินเทพา แปลงปลูกป่าถวายพระราชา 87 พรรษา จิตอาสาประชาร่วมใจ พื้นที่ป่าได้รับความเสียหาย 85 ไร่

ปฏิบัติการดับไฟป่าเป็นงานที่ต้องใช้ความอดทน  ร้อน หนัก เหน็ดเหนื่อย อันตราย และสิ้นเปลืองงบประมาณมากที่สุดในบรรดากิจกรรมต่างๆ ในวงจรของงานควบคุมไฟป่า เกือบทุกปีจะมีข่าวพนักงานดับไฟป่าเสียชีวิตจากการดับไฟป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบอบอุ่นที่ไฟป่าเป็นไฟเรือนยอดที่มีความรุนแรงมาก  สำหรับประเทศไทยซึ่งถึงแม้ว่าไฟป่าจะมีความรุนแรงน้อยกว่า อันตรายถึงแก่ชีวิตจึงมีโอกาสน้อยกว่า อย่างไรก็ตามในทุกปีจะมีพนักงานดับไฟป่าได้รับบาดเจ็บในระหว่างการปฏิบัติงานมากบ้างน้อยบ้าง  โศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของวงการไฟป่าเมืองไทย และเป็นฝันร้ายของเจ้าหน้าที่ไฟป่ามืออาชีพมาจนถึงทุกวันนี้ คือการสูญเสียชีวิตของพนักงานดับไฟป่าพร้อมกันถึง 5 นาย ในปฏิบัติการดับไฟป่าที่พื้นที่ข้างเคียงดอยตุง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2539

แม้จะเสี่ยงอันตรายถึงกับชีวิต แต่การดับไฟป่าก็เป็นงานที่ท้าทาย และถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม ระหว่างคนที่มีจิตใจห้าวหาญกับไฟที่ร้อนแรง โดยมีกติกาเพียงข้อเดียว คือ ผู้ที่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ให้เป็นประโยชน์กับตนเองได้มากกว่า ผู้นั้นคือผู้ชนะ โดยในขณะที่เกิดไฟไหม้ พฤติกรรมของไฟจะมีการผันแปรตามปัจจัยแวดล้อมอยู่ตลอดเวลาจนยากจะคาดเดา  ดังนั้นพนักงานดับไฟป่าจึงจำเป็นต้องพลิกแพลงแผนการ วิธีการ และกลยุทธในการต่อสู้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถกำชัยชนะเหนือไฟป่าได้อย่างปลอดภัย

ดังที่ได้เคยกล่าวมาแล้วว่า ไม่มีสูตรสำเร็จในการดับไฟป่า หากแต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ การศึกษาให้รู้จริงถึงพฤติกรรมของไฟป่า ความแตกฉานและช่ำชองในวิธีการ เทคนิค และกลยุทธในการดับไฟป่าเท่านั้น  จึงจะเป็นเครื่องประกันความสำเร็จของงานและความปลอดภัยในชีวิตของผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า
วันนี้ และทุกๆครั้งที่มีการออกดับไฟป่า สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ต้องเจอในภารกิจงานดับไฟป่านี้ก็คือ ความเสี่ยงที่มีอยู่รอบด้าน  ความเสี่ยงขณะเดินทางเพราะต้องใช้ความเร็วในการเดินทางเพื่อต้องการให้เข้าถึงพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  และเมื่อถึงพื้นที่แล้ว หากรถยนต์เข้าถึงพื้นที่ได้เจ้าหน้าที่ก็จะลดความเหนื่อยยากในการจะเข้าถึงพื้นที่  และลดความสูญเสียของพื้นที่ป่าได้มากขึ้นด้วย  แต่ส่วนใหญ่แล้วพื้นที่ป่าจริงๆนั้น  รถยนต์จะไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ จึงจำเป็นต้องเดินเท้าเข้าไป สิ่งที่เจอในการเดินเท้าของเจ้าหน้าที่ก็คือเส้นทางที่แสนยากลำบาก  กว่าจะถึงบริเวณที่เกิดไฟป่า  หรือขอบของไฟป่า บางครั้งต้องเจอกับสภาพป่าเต็มไปด้วยเถาวัลย์ และเป็นภูเขาที่สูงชัน   และสิ่งที่ต้องเจอทุกครั้งนั่นก็คือ  ความร้อนที่มี  ไม่ว่าจะมาจากแสงอาทิตย์ที่ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน หรือช่วงฤดูไฟป่า  และความร้อนที่มาจากไฟป่าในขณะที่เข้าดับไฟ  ทำให้ร่างกายของเจ้าหน้าที่ เกิดความเหนื่อยล้า  กระหายน้ำ เนื่องจากร่างกายต้องทำงานหนักกว่าปกติถึงหลายเท่า  และอีกอย่างที่ต้องเจอในการปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  นั่นคือควันไฟ และฝุ่นละอองในอากาศที่มีอยู่เต็มไปหมดในพื้นที่ป่าในขณะไฟไหม้

ซึ่งอย่างที่เคยรู้ๆกันว่า  ไฟป่าเกิดขึ้นได้เพียงแค่ 2 สาเหตุหลักๆ เท่านั้น นั่นก็คือ เกิดจากธรรมชาติ เช่นฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน และเกิดจากน้ำมือมนุษย์  แต่ปัจจุบันนี้ที่เกิดจากธรรมชาตินั้นแทบจะไม่พบเลย  เท่าที่ได้มีการรายงานจากการเกิดไฟป่าทั่วประเทศตั้งแต่ปี  2528  จนถึงปัจจุบัน สถิติไฟป่าที่ได้มีการรายงานทั้งหมด  พบว่าสาเหตุที่เกิดจากธรรมชาติคือฟ้าผ่านั้นมีเพียง 4 ครั้ง เท่านั้น คือเกิดที่ภูกระดึง จังหวัดเลย ที่ห้วยน้ำดัง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ อ.ท่าแซะ จังหวัดชุมพร และที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา แห่งละหนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงถือได้ว่าไฟป่าในประเทศไทยทั้งหมดเกิดจากการกระทำของคน โดยมีสาเหตุต่างๆ กันไป ได้แก่

1. เก็บหาของป่า  เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด การเก็บหาของป่าส่วนใหญ่ได้แก่ ไข่มดแดง เห็ด ใบตองตึง ไม้ไผ่ น้ำผึ้ง  ผักหวาน และไม้ฟืน การจุดไฟส่วนใหญ่เพื่อให้พื้นป่าโล่ง เดินสะดวก หรือให้แสงสว่างในระหว่างการเดินทางผ่านป่าในเวลากลางคืน หรือจุดเพื่อกระตุ้นการงอกของเห็ด หรือกระตุ้นการแตกใบใหม่ของผักหวานและใบตองตึง หรือจุดเพื่อไล่ตัวมดแดงออกจากรัง รมควันไล่ผึ้ง หรือไล่แมลงต่างๆ ในขณะที่อยู่ในป่า
2. เผาไร่ เป็นสาเหตุที่สำคัญรองลงมา การเผาไร่ก็เพื่อกำจัดวัชพืชหรือเศษซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยว ทั้งนี้เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไป ทั้งนี้โดยปราศจากการทำแนวกันไฟและปราศจากการควบคุม ไฟจึงลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
3. แกล้งจุด ในกรณีที่ประชาชนในพื้นที่มีปัญหาความขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องที่ทำกินหรือถูกจับกุมจากการกระทำผิดในเรื่องป่าไม้ ก็มักจะหาทางแก้แค้นเจ้าหน้าที่ด้วยการเผาป่า
4. ความประมาท เกิดจากการเข้าไปพักแรมในป่า ก่อกองไฟแล้วลืมดับ หรือทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นป่า เป็นต้น
5. ล่าสัตว์ โดยใช้วิธีไล่เหล่า คือจุดไฟไล่ให้สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน หรือจุดไฟเพื่อให้แมลงบินหนีไฟ นกชนิดต่างๆ จะบินมากินแมลง แล้วดักยิงนกอีกทอดหนึ่ง หรือจุดไฟเผาทุ่งหญ้า เพื่อให้หญ้าใหม่แตกระบัด ล่อให้สัตว์ชนิดต่างๆ เช่น กระทิง กวาง กระต่าย มากินหญ้า แล้วดักรอยิงสัตว์นั้นๆ
6. เลี้ยงปศุสัตว์ ประชาชนที่เลี้ยงปศุสัตว์แบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ มักลักลอบจุดไฟเผาป่าให้โล่งมีสภาพเป็นทุ่งหญ้าเพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์
7. ความคึกคะนอง บางครั้งการจุดไฟเผาป่าเกิดจากความคึกคะนองของผู้จุด โดยไม่มีวัตถุประสงค์ใดๆ แต่จุดเล่นเพื่อความสนุกสนาน เท่านั้น
และเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันน่าจะมาจากการแกล้งจุด หรือการหาของป่า เช่นเผาผึ้งเพื่อเอาน้ำผึ้ง
ซึ่งอยากจะฝากทุกท่านที่ได้ชม สกู๊ป ชุดนี้ด้วยว่า อย่าคิดจุดไฟเผาป่าเลย เพราะสิ่งที่คิดจะกระทำลงไปนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้ป่าเสียหาย รัฐสูญเสียงบประมาณเท่านั้น  แต่..ทำให้เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารเหล่านี้ ต้องเหน็ดเหนื่อย  เสี่ยงภัยตลอดทุกครั้งที่มีการออกปฏิบัติหน้าที่  รายได้หรือค่าตอบแทนก็ไม่ได้มากมาย  อนาคตก็ไม่ได้มั่นคงแน่นอนสักเท่าไหร่   แต่หากบุคคลเหล่านี้ไม่มีใจรักในงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ งานปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของชาติ  คงไม่อยู่ทำหน้าที่จนถึงทุกวันนี้



...ธนวัฒน์  ยกศรี  พิราบขาวนิวส์ รายงาน.....

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...