วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ศปก.พป. ทส. รุกหนัก! กลุ่มนายทุนบุกรุกซ้ำซาก ป่าต้นน้ำลำธาร ท้องที่ จ.เชียงใหม่

ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า
( ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รุกหนักกลุ่มนายทุนบุกรุกซ้ำซาก ป่าต้นน้ำลำธาร ตรวจพบโดนดำเนินคดีมาแล้วไม่ยอมหยุด
สรุปผลการปฏิบัติงาน        
   

ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พล.อ. สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์) ได้ให้นโยบายการร่วมบูรณาการร่วมกันเพื่อปฏิบัติงานบังคับใช้กฎหมายต่อขบวนการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้แบบผิดกฎหมายในพื้นที่ทั่วประเทศในเชิงรุก
                
นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม     ได้ประสานสั่งการให้ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และ ชุดปฏิบัติการพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช บูรณาการรวมหน่วยงานตามคำสั่งที่ 2/2560 ของศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าดำเนินการเชิงรุกต่อกลุ่มผู้ที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ซึ่งเคยถูกดำเนินคดีมาแล้วแต่ไม่ยอมหยุดพฤติกรรมขยายการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้แบบผิดกฎหมายทั่วประเทศ

ในการปฏิบัติการครั้งนี้นำโดย   นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ(พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ ,นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศปป. ๔ กอ.รมน.ฝ่ายปกครอง,เจ้าหน้าที่ตำรวจ,กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ,ภายใต้การอำนวยการของนาย อรรถพล เจริญชันษา   รองอธิบดีกรมป่าไม้ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แนวทางการดำเนินการครั้งนี้
จากการประสานปฏิบัติของหน่วยงานของ กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ตรวจสอบพบว่า นายสรวุฒิ หัตถกิจโกศล อายุ 53 ปี ได้มีพฤติกรรมบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตง ที่มีบางส่วนซ้อนทับกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่ และในท้องที่ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
 ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2555 ได้มีพฤติกรรมบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินประมาณ 2 ไร่เศษ ภายหลังเจ้าหน้าตรวจยึดดำเนินคดีพื้นที่ดังกล่าวแต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ผู้ดำเนินการได้
 ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2558 เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แสะ ได้แจ้งดำเนินคดี นายสรวุฒิ หัตถกิจโกศล พร้อมพวกรวม5คนร่วมกันกระทำผิดกฎหมายเข้ายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แตงและ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่เลา-แม่แสะ จำนวน 6 ไร่เศษ และภายหลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้ง 5 คนมีความผิดโทษจำคุกและให้รอลงอาญาไว้ก่อนเป็นเวลา 2 ปี และคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 5
ครั้งที่ 3 ในครั้งนี้ เป็นการตรวจสอบต่อเนื่องจากปี 2558 คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบในบริเวณติดต่อจากเหตุการณ์ครั้งที่ 1 และ 2 ตรวจพบการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แตง และซ้อนทับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม่เลา-แม่แซะ จำนวน 60 ไร่เศษ
  คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันขยายผลเข้าตรวจสอบพื้นที่ และรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินคดีต่อกลุ่มขบวนการดังกล่าวให้ถึงที่สุด
  





และในวันนี้วันที่ 30 สิงหาคม 2560 คณะเจ้าหน้าที่ของ ศปก.พป.,ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน., ชุดพญาเสือ,  ชุดพยัคฆ์ไพร  และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จาก สบอ.16 (เชียงใหม่),  สปป.3 (ภาคเหนือ), ทหารกกล.รส.มทบ.33, ศปป.4 กอ.รมน., กอ.รมน.จังหวัด ชม.,
ตำรวจ สภ.แม่แตง, ฝ่ายปกครอง, ผู้นำชุมชน ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่, ตำรวจ บก.ปทส. และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ รวมประมาณ 80 นาย





ร่วมกันเข้าตรวจสอบ ที่บริเวณป่าต้นน้ำในท้องที่ป่าบ้านปางลัน ท้องที่หมู่ที่6 ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียง ตรวจสอบพบมีการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศขนาดใหญ่ หลายหลังมีการตัดถนนขึ้นไปบนภูเขาในเขตป่าต้นน้ำลำธารชั้น 1A ที่ยังสมบูรณ์ ตรวจสอบพบมีร่องรอยการกานต้นไม้ยืนต้นในพื้นที่จำนวน 146 ต้น โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ครอบครองของนาย สรวุฒิ หัตถโกศล ซึ่งได้มารับเป็นเจ้าของและเคยนำชี้ขอบเขตแปลงที่ดินที่ครอบครองโดยอ้างว่าเอกสารที่ดินเป็น สค.1 จำนวน 5 ไร่ ไว้แล้วและต่อภายหลังเมื่อคณะเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ตรวจสอบโดยการอ่านแปลภาพถ่ายแล้วตั้งแต่ปี 2497 ไม่พบการทำประโยชน์ ไม่สอดคล้องกับ สค.1 ดังกล่าว ตรวจสอบรายละเอียดประกอบพบว่า นายสรวุฒิ ๆเป็นบุคคลที่ไม่สามารถ ทำกินและอยู่อาศัยในเขตป่าไม้ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องได้ จึงสรุปว่า
นายสรวุฒิๆ มีความผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ดังนี้
  - กระทำความผิดตาม พรบ .ป่าไม้ 2484 มาตรา 4, 54, 55 และ72 ตรี ฐานก่อสร้าง ยึดถือครอบครอง หรือกระทำการใดๆอันเป็นการทำลายป่า
 - กระทำผิด ตาม พรบ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 11, 73, วรรคสอง (1) (2) ฐานทำไม้หรือทำอันตรายด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้าม โดยไม่ได้อนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- กระทำความผิดตาม พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14, 13 วรรค (1) (2) (3) ฐานยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง แผ้วถางป่า เข้าทำประโยชน์หรือกระทำการใดๆอันเป็นการทำลายป่าสงวนแห่งชาติเกิน 25 ไร่และก่อให้เกิดความเสียหายแก่ไม้ห่วงห้ามประเภท ก, ข, และอื่นๆเกิน 20 ต้น ปริมาณเกิน 4 ลบ.ม
-และกระทำความผิดตาม พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มาตรา 38
 ตรวจสอบพบเป็นการกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวกับป่าไม้หลายฉบับ และที่สำคัญที่สุดเป็นบุคคลที่เคยกระทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้มาก่อน ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ของ ศปก.พป.จะดำเนินการรวบรวมเรื่องราวขยายผลส่งให้ ปปง.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถึงที่สุด
  




ขอขอบคุณที่มา..นายอรรถพล เจริญชันษา
รองอธิบดีกรมป่าไม้
หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

รายงาน 30 สิงหาคม 2560 เวลา 18.00 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...