กรมอุทยานฯจับมือ ผอ.สำนักฯ-หัวหน้าอุทยานฯเอ็มโอยูแก้ “เขาหัวโล้น” ขู่แก้ปัญหาไม่ทัน 30 ก.ย.60 มีผลต่อความก้าวหน้าทางราชการ-หากพบมีบุกรุกเพิ่มย้ายเข้ากรุทันที
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ จะเดินหน้าแก้ปัญหาพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพ บนพื้นที่เขาสูงชันหรือเขาหัวโล้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยเฉพาะเขาหัวโล้นที่ถูกบุกรุกหลังปี 2545 โดยในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ จะทำบันทึกข้อตกลงการดำเนินงานร่วมกันกับหน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศ ตั้งแต่ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ทั้ง 16 แห่ง หัวหน้าอุทยานฯ 147 แห่ง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากว่า 60 แห่ง ซึ่งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาพื้นที่ป่าต้นน้ำ โดยเฉพาะใน 13 จังหวัดภาคเหนือที่เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำสายหลัก 4 สาย ถูกบุกรุกทำลายประมาณ 8.6 ล้านไร่ มีผู้บุกรุกประมาณ 8 แสนคน โดยจะต้องมีการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่า การบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยให้หน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศดำเนินการแก้ปัญหาโดยใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศสี ปี 2545 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นบรรทัดฐานในการตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์ของป่า
นายธัญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากพื้นที่ใดปรากฏมีร่องรอยการทำประโยชน์ ในภาพถ่ายทางอากาศสีปี 2545 ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที โดยให้ดำเนินการตรวจสอบและทวงคืนผืนป่าให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย. 2560 หากหน่วยงานภาคสนามใดสามารถดำเนินการตามเป้าหมายได้ตามกำหนด จะมีการพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติราชการในระดับดีเด่นให้กับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ และเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่เกี่ยวข้อง ถ้าสำนักฯ หน่วยงาน หัวหน้าอุทยานฯ ไม่สามารถดำเนินการตามเป้าหมายได้ก็จะถือเป็นตัวชี้วัดว่าไม่สามารถปฏิติงานได้ และจะมีผลต่อการพิจารณาความดีความชอบ ขั้นและเงินเดือน หากสำนักฯ หน่วยงาน หัวหน้าอุทยานฯ ปล่อยให้มีการบุกรุกก็จะมีการพิจารณาลงโทษย้ายประจำกรมทันที
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวต่อว่า การทำบันทึกข้อตกลงแก้ไขปัญหาเขาหัวโล้นทั้งประเทศ เพื่อเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 40 % ของประเทศภายใน 10 ปี โดยจะมีการนำร่องก่อนใน 13 จังหวัด เป้าหมายคือ เชียงใหม่ น่าน เลย เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง และลำพูน โดยที่กรมอุทยานฯ หนักใจมากที่สุดในขณะนี้คือสภาพเขาหัวโล้นที่อุทยานฯ ดอยภูคา จ.น่าน ที่มีการบุกรุกปลูกข้าวโพด ซึ่ทางกรมฯจะทุ่มกำลังเจ้าหน้าที่ไปที่อุทยานฯ ดอยภูคา พร้อมทั้งจะมีการไปตั้งศูนย์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ และหาเจ้าหน้าที่ที่มีฝีมือไปควบคุม กรมอุทยานฯ จะส่งกำลังบำรุง ทั้งอาหาร น้ำ ยา รถยนต์เพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น