ขบวนการสาวประเภทสองตุ๋นเหยื่อทำบุญสูญเงิน
60
ล้านบาท ข้ามประเทศ ตรวจพบบุกรุกพื้นที่ป่าไม้
และที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน สรุปแจ้งอีกหลายข้อกล่าวหา
ตามที่ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.
ได้จับกุม นายอาทิตย์ตยา แสนยาธรรมโฆษ อายุ 34 ปี
ผู้ต้องหาคดี "ฉ้อโกง" โดยจับกุมได้ที่สำนักทรงไม่มีชื่อ เลขที่ 134
ม.6 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
โดยมีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นร่างทรง "เจ้าหญิงเมืองแก้ว" ชักชวนเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะดีและพักอาศัยในต่างประเทศ
เพื่อมาร่วมปฏิบัติธรรม โดยเริ่มต้นจากการสอนธรรมะผ่านไลน์กลุ่มหลังจากนั้น
จะหลอกให้เดินทางปฏิบัติธรรม ที่สำนักทรงในประเทศไทย
โดยผู้เสียหายให้การว่าผู้ต้องหาจะสอนธรรม ในทางที่ผิดทางพุทธศาสนา
บางรายให้เลิกกับสามีโดยให้ฟ้องหย่าเพื่อให้ได้เงินมาทำบุญจำนวนมาก
โดยสอนให้มีการบริจาคเงินจำนวนมากๆแม้เงินนั้นจะมาจากการทุจริตก็ตาม
นอกจากนี้ระหว่างมาปฏิบัติธรรม ก็ห้ามไม่ให้ติดต่อญาติพี่น้องด้วย
ระหว่างนี้ก็จะมีผู้ร่วมขบวนการคอยเล่าเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆของผู้ต้องหาที่อ้างว่าเป็นเจ้าหญิงเมืองแก้วเพื่อโน้มน้าวชักจูงใจกลุ่มผู้เสียหายให้หลงเชื่อและให้ร่วมทำบุญกับร่างทรง
ถ้ายิ่งทำมากก็ได้บุญมากและหากทำบุญสูงถึง 18ล้านบาท
ก็จะได้บรรลุโสดาบัน
ซึ่งตรวจพบผู้เสียหายแล้วจำนวน 3
ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท
บางรายสูญเงินไปถึง 49 ล้านบาท นายอรรถพล เจริญชันษา
ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้
ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติงาน
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ลงพื้นที่ตรวจสอบการยึดถือครอบครองที่ดินที่ใช้ก่อสร้างสำนักทรงดังกล่าว
และในวันนี้วันที่ 1
มีนาคม 2560 พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป.,
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร, พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ, เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร,
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, จำนวน 100 นาย ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่สำนักทรงดังกล่าว
บนภูเขาในเขตป่าบริเวณท้องที่หมู่ 6 ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี
พบมีการก่อสร้างหลายอาคารขนาดใหญ่มูลค่าหลายสิบล้านอยู่ในพื้นที่
และจากรังวัดตรวจสอบได้เนื้อที่ 7 ไร่เศษ
และตรวจสอบพบพื้นที่ดังกล่าวได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นเขตหวงห้ามที่ดิน
เพื่อประโยชน์ในราชการทหาร พ.ศ. 2481 และพบว่าเป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเป็นความผิดฐานบุกรุกพื้นที่ป่า
ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และตรวจพบว่าเป็นการกระทำผิดตาม
พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 และตาม
มาตรา 9 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
และตรวจพบว่าการก่อสร้างสำนักทรงดั่งกล่าวไม่มีการขออนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ
จึงพบว่าเป็นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 อีกด้วย
คณะเจ้าหน้าที่
จึงร่วมกันนำเรื่องราวดังกล่าว ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สถานีตำรวจภูธรเมือง จ.กาญจนบุรีต่อไป
ขอขอบคุณที่มา.. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม
หน.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น