ศปป.4 กอ.รมน. จัดกิจกรรม 3 กลุ่มอาสา ผนึกกำลัง ปกป้อง และฟื้นฟูป่า

             เมื่อวันที่ 6 พค. 57 ที่ผ่านมา  ที่ห้องประชุมใหญ่ กอ.รมน. ภายในสวนรื่นฤดี ได้จัดให้มีกิจกรรมพบประพูดคุยระหว่างจิตอาสากลุ่มต่างๆเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อันจะนำไปสู่การร่วมมือกันปกป้องและฟื้นฟูผืนป่าในเขตจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพลโท คณิค อุทิตสาร ผอ.ศปป.4กอ.รมน.ให้การต้อนรับ

       กลุ่มจืตอาสาที่มาร่วมกิจกรรมประกอบด้วย  กลุ่มจิตอาสาพิทักทักษ์ป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ บ้านหนองบั่ว ต.ช้างเผือก จ.ร้อยเอ็ด , กลุ่มจิตอาสาฟึ้นฟูป่าชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้ บ้านหนองอ่าง ต.กำแพง จ.ร้อยเอ็ด โดยการนำของ กอ.รมน.จ.ร้อยเอ็ด และกลุ่มจิตอาสาส่วนกลางโดยการนำของคุณสุดจิต ทิวารี

         ในกิจกรรมนอกจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรมของแต่ละกลุ่มแล้ว  ผู้แทนกลุ่มจิตอาสาส่วนกลางยังได้มอบสิ่งของจำเป็น  ที่ใช้ในการเข้าเวรยามเพื่อปกป้องผืนป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ บ้านหนองบั่ว ต.ช้างเผือก จ.ร้อยเอ็ด อาทิ รองเท้าคอมแบทจำนวน 144คู่ กาแฟ ไฟฉาย ยากันยุง และอื่นๆให้กับกลุ่มจิตอาสาพิทักทักษ์ป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ บ้านหนองบั่ว  นอกจากนี้กลุ่มจิตอาสาส่วนกลางยังได้ตอบรับเพื่อเป็นที่ปรึกษาในโครงการฟื้นฟูป่าชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้ บ้านหนองอ่าง ต.กำแพง จ.ร้อยเอ็ด อีกด้วย โดยจะได้ร่วมกันวางแผนฟื้นฟูป่าชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้  ต.กำแพง จ.ร้อยเอ็ด ให้กลับฟื้นคืนความสมบูรณ์โดยเร็ว

     

    

          กิจกรรมในวันนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการที่ ศปป.4กอ.รมน.ลงพื้นที่ กอ.รมน.จังหวัดร้อยเอ็ด จัดเวทีชาวบ้าน  เพื่อนำเรื่องราวของกลุ่มจิตอาสาพิทักษ์ป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ่ บ้านหนองบั่ว อ.ช้างเผือก จ.ร้อยเอ็ด มาเผยผ่านสื่อต่างๆ เช่น รายการจับประเด็นข่าวทางช่อง 5, รายการข่าวเด็ด7สี ทางช่อง 7 ,บทความที่เผยแพร่ทาง manager online ,บทความทีเผยแพร่ทาง นสพ กรุงเทพธุรกิจ นอกจากนี้ยังได้นำไปเผยแพร่ทางเฟซบุ๊คอีกด้วย  ประเด็นหลักที่สื่อต่างๆนำไปเผยแพร่  เป็นเรื่องราว/ความเสียสละของพี่น้องชาวบ้านหนองบั่ว ที่อาสาจัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผืนป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ่ พื้นที่ 1,500ไร่ ให้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ แม้ต้องเสี่ยงกับอันตรายรอบด้านโดยเฉพาะอันตรายจากกระบวนการลักลอบตัดไม้พะยูง  แต่พวกเค้ายังคงมุ่งมั่นอดทนฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เพราะต้องการรักษาผืนป่าให้เป็นสมบัติล้ำค่าของคนไทยและประเทศไทยสืบต่อไป

           

           หลังจากการเผยแพร่เรื่องราวดังกล่าว ผู้เขียนก็ได้รับการติดต่อจาก คุณสุดใจ ทิวารี นักลงทุนอิสระ แจ้งความประสงค์ว่ากลุ่มจิตอาสาในส่วนกลางอยากจะร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจกลุ่มจิตอาสาพิทักษ์ป่าชุมชนดงทำเล-ดอนใหญ่ บ้านหนองบั่ว ผู้เขียนจึงได้ให้มีการติดต่อพูดคุยกันโดยตรงกับแกนนำกลุ่มบ้านหนองบั่ว(คุณ ดวงจันทร์  พาลำโอน )  ในขณะที่ พันเอกกฤษดา นิยมวิทย์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดร้อยเอ็ด ได้ประสานมาโดยตรงกับผู้เขียนเช่นกัน  ว่ามีชาวบ้านหนองอ่าง อ กำแพง จ ร้อยเอ็ด เห็นความเป็นจิตสาธารณะของชาวบ้านหนองบั่ว จึงประสงค์จะรวมตัวชาวบ้านหนองอ่างอาสาฟื้นฟูผืนป่าชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ให้กลับฝื้นคืนความสมบูรณ์ ดังเมื่อ30ปีที่แล้ว โดยกลุ่มจิตอาสาบ้านหนองอ่าง มี ลุงสม บุญสงกา   เป็นแกนนำ ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสลงพื้นที่บ้านหนองอ่าง และได้พูดคุยกับลุงสมและชาวบ้านท่านอื่นๆ ทำให้ได้เห็นพลังแห่งความตั้งใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยม  ที่กล่าวมาจึงเป็นที่มาของ “3 กลุ่มอาสา ผนึกกำลัง ปกป้อง และฟื้นฟูป่า”

ตอนหนึ่งในคำกล่าวของ คุณ ดวงจันทร์  พาลำโพน ผู้นำชาวบ้านหนองบั่ว

 ”ผมและชาวบ้านรู้สึกดีใจและมีกำลังใจขึ้นมาก ที่ได้รับทราบว่ามีกลุ่มจิตอาสาจากส่วนกลางมองเห็นสิ่งที่พวกชาวบ้านทุ่มเทปกปัองทรัพยากรป่าไม้ไว้ ทุกคนทราบดีว่าป่าไม้เป็นของทุกคน เป็นของประเทศ  ป่าไม้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าเกินกว่าข้อเสนอที่พวกค้าไม้หยิบยื่นให้พวกเรา แม้จะเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ก็เทียบไม่ได้กับการปกป้องรักษาให้เป็นสมบัติของชาติ เพราะนั่นหมายถึงสัญญานของความอุดมสมบูรณ์ที่คนไทยทั้งประเทศจะได้รับ”

ตอนหนึ่งในคำกล่าวของ ลุงสม บุญสงกา ผู้นำชาวบ้านหนองอ่าง

“การยืนหยัดต่อสู้ของชาวบ้านหนองบั่วเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้พี่น้องชาวหนองอ่าง ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อสร้างป่าให้กลับฟื้นคืนความสมบูรณ์อีกครั้ง ลูกหลานชาวหนองอ่างจะต้องเติบโตไปพร้อมๆกับการพัฒนาขึ้นของป่าชุมชนทุ่งกุลาร้องไห้”

ตอนหนึ่งในคำกล่าวของ คุณสุดจิต ทิวารี ผู้นำกลุ่มจิตอาสาส่วนกลาง

“ดิฉันและเพื่อนกลุ่มจิตอาสารู้สึกยินดีและมีความสุขที่ได้รับรู้ข่าวสารว่ามีกลุ่มพี่น้องที่อาสาปกป้องป่าและอาสาฟื้นฟูป่า แม้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีป่า แต่พวกเราก็ตระหนักดีถึงคุณค่าของป่าไม้ ตระหนักดีว่าประเทศชาติขาดแคลนป่าไม่ได้ จึงขอขอบคุณทุกท่านที่เสียสละปกป้องและฟื้นฟูป่า”

               

                      ผู้เขียนในฐานะหัวหน้าคณะทำงานประชาสัมพันธ์ ศปป.4 กอ.รมน.จะได้ประสานการปฎิบัติ และติดตามการผนึกกำลังและทำงานด้วยความเสียสละของกลุ่มจิตอาสาดังกล่าว มาเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง เพราะตระหนักดีว่าประชาชนที่มีความเป็นจิตสำนึกสาธารณะยังมีอีกมายที่พร้อมจะเข้าร่วม ขอเพียงได้รับรู้และได้รับข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน

บทความนี้เขียนโดย..

พันเอกหญิง ชดาษา พนาเวศร์