นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ
ได้รับคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้รับตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) อย่างเหนือความคาดหมายของหลายคน เพราะแม้จะมีคุณสมบัติครบ แต่ในวงการป่าไม้ก็รู้กันว่า นายธีรภัทรคือนักวิชาการผู้อ่อนโยน ซื่อสัตย์ ชำนาญการทำงานเรื่องสัตว์ป่า ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระทิงและวัวแดงมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย ไม่ได้มีภาพลักษณ์การเป็นมือปราบ เพื่อที่จะมารองรับคำสั่งของ คสช.ที่ประกาศจะเอาจริงเอาจังเด็ดขาดกับขบวนการรุกป่าทั้งหลาย
การมาเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ ที่ต้องอยู่ท่ามกลาง เสือ สิงห์ กระทิง แรด และมหาโจร ที่จ้องจะบ่อนทำลายทรัพยากรป่าไม้ของประเทศไทย จึงทำให้หลายคนเป็นห่วง เกรงว่านายธีรภัทรจะรับมือกับคนพวกนี้ไม่ไหว
ไม่มีใครรู้ว่า คสช.คิดอะไร
ที่แต่งตั้งนายธีรภัทรขึ้นเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ รู้แต่ว่า
หลังจากนายธีรภัทรเข้ามานั่งเก้าอี้ตรงนี้ เสือ สิงห์ กระทิง แรด
และมหาโจรทั้งหลายทำงานยากขึ้น เพราะนายธีรภัทร ไม่ได้เออออ
หรือกินตามน้ำอะไรกับกลุ่มไหน เห็นได้ชัดจากการสั่งระงับโครงการปลูกป่า
จากเงินนอกงบประมาณ 60 ล้านบาท ที่ถูกลือ
กระหน่ำว่ามีการแบ่งเค้กเป่าเทียน เรื่องกินเงินหัวคิวเรียบร้อยแล้ว
การสั่งระงับแบบฉับพลันทันใด ก่อนจะมีการลงนามอนุมัติโครงการเพียงไม่กี่วัน
แม้นายธีรภัทรจะออกมาบอกว่า ที่ระงับไม่เกี่ยวกับข่าวการกินค่าหัวคิว
แต่เป็นเพราะพื้นที่ปลูกป่านั้นกว้างเกินไป การปลูกยังกระจัดกระจาย อีกทั้งงบประมาณที่ใช้เป็นงบประมาณนอกราชการ
ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะนำมาใช้
แต่ก็สร้างความโกรธแค้นต่อผู้หมายมั่นปั้นมือกับเรื่องนี้มิใช่น้อย
การที่กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อทรัพยากรป่าในกรมป่าไม้ทำงานยากก็ไม่ได้หมายความว่า
อธิบดีกรมป่าไม้คนใหม่จะทำงานได้ง่ายนัก มีข่าวออกมาว่าไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากระดับงานที่สำคัญๆ
มากนัก ยังมีการพยายามปกปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้อยู่
ด้วยเหตุนี้กระมัง
จึงเป็นที่มาของแนวคิดที่ได้สร้างสายลับป่าไม้ กับ หน่วยพยัคฆ์ไพร
สำหรับล้วงข้อมูลและปฏิบัติการปราบปรามผู้กระทำผิด คิดไม่ชอบกับทรัพยากรป่าภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้
พยัคฆ์ไพรเป็นที่รวมตัวของเจ้าหน้าที่ป่าไม้น้ำดี มือดี
และเป็นบุคคลประเภทไม่เข้าใครออกใคร นายธีรภัทรประกาศว่า ตนคือหัวหน้ากลุ่ม โดยมี
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม อดีตมือปราบผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถคนแรก
ที่อาจหาญงัดข้อกับนายทุนที่บุกรุกพื้นที่
กระทั่งสามารถแจ้งความเอาผิดดำเนินคดีกับนายทุนผู้มีอิทธิพลใน
จ.ภูเก็ตหลายสิบรายเป็นลูกทีม
เวลานี้มีการเปิดเผยตัวตนของทีมพยัคฆ์ไพรออกมาแค่
2 คนเท่านั้น นายธีรภัทรให้เหตุผลว่า พยัคฆ์ไพรที่เหลือมีชื่อ
แต่ไม่มีตัวตน ทุกคนจะทำงานแบบลับๆ
เพราะทำแบบเปิดเผยเหมือนที่ผ่านมากลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีจะรู้ตัว หาทางหนีทีไล่
หรือตีกัน จนรอดพ้นจากความผิดอย่างเช่นที่ผ่านมา ว่ากันว่า
แม้แต่ผู้บริหารระดับสูงในกรมป่าไม้เองก็ยังไม่รู้ว่า สายลับป่าไม้และหน่วยพยัคฆ์ไพรที่ปฏิบัติภารกิจอยู่เวลานี้มีใครบ้าง
"มีผม กับชีวะภาพ
และคนอื่นอีกไม่กี่คน ที่รู้ว่าใครทำงานตรงนี้บ้าง อาจจะเรียกได้เลยว่า
พยัคฆ์ไพรคนอื่นๆ ปราศจากตัวตนก็ว่าได้ แต่มีงานออกมาแน่ๆ เวลานี้
ทีมที่ทำหน้าที่สืบราชการลับก็เริ่มส่งข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ เรียกว่า
ทำดีได้เกินคาด ส่วนทีมที่ออกปฏิบัติการ ก็ลงพื้นที่ทั้งตรวจสอบและจับกุมกันเกือบทุกวัน" หัวหน้าทีมพยัคฆ์ไพรกล่าว
งานใหญ่และท้าทายที่รอพยัคฆ์ไพรให้เข้าไปจัดการคือ
การยึดคืนพื้นที่ป่าสงวนฯ บริเวณหาดฟรีดอมบีช จ.ภูเก็ตคืน
ที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ได้เป็น ส.ค.1
มาก่อน แต่สามารถออกเอกสารสิทธิที่ดินเป็นโฉนดได้ทันที
เพราะเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้คนหนึ่งกันที่ออก
และรับรองว่าไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อีกงานคือ
จัดการกับการบุกรุกที่ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ พ.ศ.2484 เพื่อทำกิจการโรงโม่หินของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ
นี้เข้าแจ้งความกล่าวโทษไปแล้วบริษัทหนึ่ง แต่ตรวจไปตรวจมา
พบว่ายังมีอีกหลายแห่งที่กระทำการในลักษณะเดียวกัน
งานใหญ่ๆ ที่ต้องสะสาง
ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ภายในทั้งสิ้น ทั้งคอยชี้ทาง
คอยอำนวยความสะดวก เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ รวมทั้งเข้าขัดขวางในเวลาที่ต้องจัดการ
เรียกว่าไม่ง่ายนักกับการปิดคดีแต่ละคดี
ก็ต้องจับตาถ้าพยัคฆ์ไพรทำสำเร็จก็ยังอยู่ต่อ
แต่ถ้าให้หนอนมาแรงกว่าก็ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น