ทส.หนาว แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับ 12 ให้เพิ่มพื้นที่ป่า 26 ล้านไร่
หากไม่สำเร็จเจอถูกตัดงบ 3-4 หมื่นล้าน
พร้อมโยกให้หน่วยงานอื่นดูแล "รองปลัด
ทส."โอดตายแล้วเกิดใหม่สิบชาติถึงสำเร็จ“
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ
แถลงถึงการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติและพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ว่า
ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรฯ ได้มีการสรุปพื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยว่า มีพื้นที่ 102 ล้านไร่ หรือ 32 % จากพื้นที่ประเทศไทยทั้งหมด 321 ล้านไร่
ขณะที่พื้นที่ป่าไม้ที่ประเทศต้องการคือต้องมีถึง 40 % หรือ 128 ล้านไร่ เพื่อให้เกิดระบบนิเวศที่ดี ดังนั้นยังขาดอยู่ 26 ล้านไร่ ภารกิจของกระทรวง ใน 10 ปีนี้
ก็คือการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 26 ล้านไร่ โดยถูกบรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 ซึ่งเริ่มประกาศใช้ในปี 2560 และจะมีการประเมินตัวชี้วัดคุณภาพการทำงาน (เคพีไอ) ของกระทรวงทรัพยากรฯ
ในการดูแลพื้นที่ป่าของประเทศ ถ้าไม่สำเร็จกระทรวงจะถูกตัดงบประมาณปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท และอาจจะมีการเปลี่ยนหน่วยงานในการดูแลรักษาป่าของประเทศใหม่
“ยอมรับว่าการเพิ่มพื้นที่ป่าให้ได้ 26
ล้านไร่ ภายในระยะเวลา 10 ปี เป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ต้องตายแล้วเกิดใหม่ประมาณ 10 ชาติ จึงจะสำเร็จ
เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ป่าทั้งป่าสงวนและป่าอนุรักษ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย ติดทั้งปัญหามวลชนในพื้นทีที่ไม่เห็นด้วย
และการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ล่าช้า ต่างคนต่างทำ”นายสุพจน์
กล่าว
ด้านนายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า คดีการบุกรุกอุทยานฯ สิรินาถ ขณะนี้ได้รับสารบบที่ดินจากสำนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต สาขาถลางแล้ว จำนวน 489 แปลง เนื้อที่กว่า 2,300 ไร่ และยังไม่ได้รับสารบบที่ดินจำนวน 216 แปลง เนื้อที่กว่า 1,100 ไร่ ขณะนี้กำลังเร่งขอสารบบที่ดิน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลความชอบด้วยกฎหมายของการออกเอกสารสิทธิ์ คาดว่าจะมีการทยอยเพิกถอน นอกจากนี้จะมีการเตรียมการรื้อถอนคดีการบุกรุกอุทยานฯ ทับลาน โดยมีการดำเนินคดีทั้งหมด 455 คดี มีการออกสั่งทางปกครองตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ 188 คดี ดำเนินการรื้อถอนแล้ว 101 คดี เช่น บ้านผางามรีสอร์ท อยู่ระหว่างการรื้อถอน 20 คดี บ้านทะเลหมอกรีสอร์ท ซึ่งเจ้าของยอมรื้อถอนเอง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 90 % แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่ได้รื้อถอน อีก 67 คดี นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบกรณีการบุกรุกอุทยานฯ บูโด-สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ขณะนี้ได้มีการตรวจพิสูจน์การครอบครองที่ดินของประชาชนในพื้นที่กว่า 1.9 หมื่นราย เนื้อที่กว่า 1 แสนไร่ เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุก เป็นต้น
นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเชิงพื้นที่ หรือ เอโอ ของกรมป่าไม้ ว่า ข้อมูลล่าสุดในวันที่ 29 ก.ย. พื้นที่เอโอ 1 คือพื้นที่ที่คดีสิ้นสุดแล้ว โดยตั้งเป้าหมายในปี 58 จำนวน 2 หมื่นไร่ ดำเนินการไปแล้วกว่า 1.7 หมื่นไร่ คิดเป็นร้อยละ 88.66 พื้นที่เอโอ 2 คือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ตั้งเป้าหมาย 5 หมื่นไร่ ดำเนินการแล้ว 3.5 หมื่นไร่ คิดเป็นร้อยละ 70.45 พื้นที่เอโอ 3 คือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ ตั้งเป้าหมาย 5.05 แสนไร่ ดำเนินการแล้ว 1.72 แสนไร่ คิดเป็นร้อยละ 34.24 ไร่ ส่วนพื้นที่เอโอ 4 มีพื้นที่ 33.2 ล้านไร่คงเดิม ส่วนผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรื้อถอนสวนยางพารา กรมป่าไม้ได้ตั้งเป้าในปี 58 จำนวน 4 แสนไร่ ดำเนินการไปได้เพียง 9.3 หมื่นไร่คิดเป็นร้อยละ 23.25 เพราะมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ บุคลากร ซึ่งต้องหาวิธีการปรับแผนในการดำเนินการต่อไป.“
ด้านนายอดิศร นุชดำรง รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า คดีการบุกรุกอุทยานฯ สิรินาถ ขณะนี้ได้รับสารบบที่ดินจากสำนักงานที่ดิน จ.ภูเก็ต สาขาถลางแล้ว จำนวน 489 แปลง เนื้อที่กว่า 2,300 ไร่ และยังไม่ได้รับสารบบที่ดินจำนวน 216 แปลง เนื้อที่กว่า 1,100 ไร่ ขณะนี้กำลังเร่งขอสารบบที่ดิน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลความชอบด้วยกฎหมายของการออกเอกสารสิทธิ์ คาดว่าจะมีการทยอยเพิกถอน นอกจากนี้จะมีการเตรียมการรื้อถอนคดีการบุกรุกอุทยานฯ ทับลาน โดยมีการดำเนินคดีทั้งหมด 455 คดี มีการออกสั่งทางปกครองตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานฯ 188 คดี ดำเนินการรื้อถอนแล้ว 101 คดี เช่น บ้านผางามรีสอร์ท อยู่ระหว่างการรื้อถอน 20 คดี บ้านทะเลหมอกรีสอร์ท ซึ่งเจ้าของยอมรื้อถอนเอง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 90 % แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่ได้รื้อถอน อีก 67 คดี นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบกรณีการบุกรุกอุทยานฯ บูโด-สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ยะลา และปัตตานี ขณะนี้ได้มีการตรวจพิสูจน์การครอบครองที่ดินของประชาชนในพื้นที่กว่า 1.9 หมื่นราย เนื้อที่กว่า 1 แสนไร่ เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุก เป็นต้น
นางเปรมพิมล พิมพ์พันธุ์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเชิงพื้นที่ หรือ เอโอ ของกรมป่าไม้ ว่า ข้อมูลล่าสุดในวันที่ 29 ก.ย. พื้นที่เอโอ 1 คือพื้นที่ที่คดีสิ้นสุดแล้ว โดยตั้งเป้าหมายในปี 58 จำนวน 2 หมื่นไร่ ดำเนินการไปแล้วกว่า 1.7 หมื่นไร่ คิดเป็นร้อยละ 88.66 พื้นที่เอโอ 2 คือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ตั้งเป้าหมาย 5 หมื่นไร่ ดำเนินการแล้ว 3.5 หมื่นไร่ คิดเป็นร้อยละ 70.45 พื้นที่เอโอ 3 คือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ ตั้งเป้าหมาย 5.05 แสนไร่ ดำเนินการแล้ว 1.72 แสนไร่ คิดเป็นร้อยละ 34.24 ไร่ ส่วนพื้นที่เอโอ 4 มีพื้นที่ 33.2 ล้านไร่คงเดิม ส่วนผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรื้อถอนสวนยางพารา กรมป่าไม้ได้ตั้งเป้าในปี 58 จำนวน 4 แสนไร่ ดำเนินการไปได้เพียง 9.3 หมื่นไร่คิดเป็นร้อยละ 23.25 เพราะมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งงบประมาณ บุคลากร ซึ่งต้องหาวิธีการปรับแผนในการดำเนินการต่อไป.“