อนุมัติหมายจับ3ผู้ต้องหา ยิงจนท.พิทักษ์ป่าภูเขียว
จากกรณี นายประสิทธิ์ คุ้มหมู่ อายุ 49 ปี หัวหน้าชุดพนักงานพิทักษ์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง)
อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่นำกำลังเข้าจับกุม
กลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้กฤษณาในเขตพื้นที่ป่าภูเขียว จำนวน 3 คน เหตุเกิดบริเวณบ้านห้วยระหงส์ รอยต่อเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว
จ.ชัยภูมิ และ เขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. พล.ต.ต.วิสาร์ท สมปราชญ์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า
จากสืบสวนสอบสวนทราบว่า กลุ่มคนร้ายประกอบด้วย 1.นายบุญเล็ง
สายทองคู่ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 208 หมู่ 7 ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
ซึ่งเป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิง นายประสิทธิ์ จนเสียชีวิต 2.นายอาทิตย์
คลังสิน อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11 หมู่
5 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และ 3.นายสอง คลังทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 5 ต.ช้างตะลูด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
ที่เป็นเพื่อนพรานป่าผู้ร่วมกันก่อเหตุ
โดยพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสามจากศาลจังหวัดภูเขียว จ.ชัยภูมิ
แล้ว
ขณะที่การสอบสวน นางอรณัส แก่นโพธิ์ อายุ 35 ปี ภรรยาของ นายบุญเล็ง ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีนายทุนจาก จ.สระแก้ว ได้โทรศัพท์มาว่าจ้างให้ นายบุญเล็ง รวบรวมพรรคพวกพรานป่าเพื่อเข้าไปตัดไม้กฤษนา หรือไม้หอม เพื่อนำมาสกัดเป็นน้ำหอมส่งขายให้กับชาวต่างชาติ นายบุญเล็ง จึงได้ชักชวน นายอาทิตย์ และ นายสอง ที่เป็นเพื่อนพรานป่าชำนาญทาง มาปรึกษาวางแผนในการเข้าไปตัดไม้กฤษนาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) จากนั้นจึงได้พากันเดินทางขึ้นไปบนเขาภูเขียว โดยเดินจากป่าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าน้ำหนาว จ.เพชรบูณ์ ลัดเลาะข้างเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว เพื่อหาตัดต้นไม้กฤษนา ส่วน นายเจนศักดิ์ บึงอำพันธ์ พนักงานพิทักษ์ป่า ส.2 เพื่อนรวมงานของผู้ตาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการประสานขอกำลังเสริมให้เข้าไปช่วยเหลือจับกุมกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 คน หลังมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนชุดแรกเข้าไปพบและปิดล้อมไว้ ผู้ตายที่เป็นหัวหน้าชุดจึงนำทีมเข้าไปสมทบ และยิงปืนขึ้นฟ้าแจ้งให้คนร้ายยอมมอบตัว แต่ระหว่างที่ผู้ตายเดินเข้าไปจะควบคุมตัว นายบุญเล็ง กลับต่อสู้ขัดขืนและชกต่อยกับผู้ตาย ก่อนที่ นายบุญเล็ง จะชักปืนลูกซองไทยประดิษยิงใส่ผู้ตายจนเสียชีวิต แล้ววิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าลึก อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน จำนวนกว่า 300 คน กำลังกระจายกำลังไล่ล่าตัวทั้งสามอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งดูแล้ว ลักษณะการทำงานของเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์พงไพร
หรือผู้พิทักษ์ทรัพยากรของป่าไม้ชาติ (พิทักษ์ป่า)
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งทุก ๆ
เสี้ยววินาทีเวลาปฏิบัติหน้าที่ เสี่ยงภัย
เสี่ยงอันตรายไม่แพ้ตำรวจ ทหาร อยากวอน "รัฐบาล"
หรือผู้มีอำนาจที่รับผิดชอบโดยตรงเห็นใจเจ้าหน้าที่เหล่านี้ด้วยความจริงใจ
โปรดก้มมองลงมาให้เห็นถึงระดับล่างๆ
ด้วยการมอบสวัสดิการให้ดีกว่าที่เป็นอยู่
มอบความก้าวหน้าในหน้าที่ให้เขาเหล่านี้อยู่ในสังคม
และปฏิบัติหน้าที่อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี
เหมือนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทอื่น ๆ
1.เพื่อเป็น ขวัญ
และกำลังใจในการทำหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
2.เพื่อป้องกันการทุจริตในหน้าที่ ที่ผ่านมามีข่าวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดไม้ทำลายป่า
หรือที่เรียกว่าขายป่าซะเอง
แต่หากมีสวัสดิการที่ดีขึ้น
ความมั่นคงในอาชีพ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เชื่อว่าสิ่งที่ว่านี้ คงต้องลดลง
หรือหมดไปอย่างแน่นอน.
ขอขอบคุณข้อมูลข่าวจาก... http://www.dailynews.co.th/crime/354719