วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ป่า"หดหาย-"คน"ไร้ฝีมือ บทเรียนจาก"น่าน"


ในความคิดของคนทั่วไป รวมทั้งผมด้วย มักคิดว่าจังหวัดที่มีป่าไม้มากที่สุดน่าจะเป็นจังหวัดน่าน เพราะดูจากจำนวนอุทยานแห่งชาติ จากจำนวนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งดูแลป่าอนุรักษ์ และดูจากจำนวนป่าสงวนแห่งชาติและหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่รับผิดชอบดูแลป่าสงวนฯ ก็มีจำนวนมากมายครอบคลุมไปทั้งจังหวัด
โดยเฉพาะมีหน่วยอนุรักษ์ต้นน้ำจำนวนกว่า 90 หน่วย หรือเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนหน่วยอนุรักษ์ต้นน้ำของประเทศอยู่ในพื้นที่จังหวัดน่านและแพร่ และมีโครงการสำคัญอีกหลายโครงการในการป้องกันและฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในจังหวัดน่าน ซึ่งหากวัดแค่นี้ ก็น่าจะเป็นไปตามการคาดเดาของคนทั่วไป
แต่ช่วง 1-2 เดือนนี้ ปรากฏภาพทางสื่อมวลชนถึงสภาพป่าในพื้นที่จังหวัดน่านที่แทบไม่เหลือป่าอยู่แล้ว มีการบุกรุกทุกพื้นที่ป่าโดยเฉพาะป่าสงวนแห่งชาติ จนเป็นภาพสลดหดหู่แก่ผู้พบเห็น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? เกิดจากความผิดพลาดอะไร? และใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ? เหล่านี้เป็นคำถามที่ถูกหยิบยกถามกันไปมา แต่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน จากสภาพปัญหาดังกล่าว น่าจะได้เวลาปฏิรูประบบราชการในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ (ทส.) และให้มีการทบทวนการทำหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้บริหารกันใหม่อย่างขนานใหญ่โดย
1.ให้กำชับกันให้ชัดเจนอีกครั้งอีกหนว่าผู้ใหญ่บ้าน กำนันทุกคน ผู้บริหารท้องถิ่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจทุกตำแหน่ง ทหารบางตำแหน่ง เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบในการปกป้องคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้ตามกฏหมาย และหากไม่ดำเนินการก็เป็นการละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ จะได้ไม่อ้างว่าไม่รู้หรือโทษกันไปมา
2. ต้องปฏิรูปหน่วยงานกรมกอง ในกระทรวง ทส. ใหม่ เพราะโครงสร้างแบบเดิมให้ถือได้ว่าประสบความล้มเหลวเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรักษาพื้นที่ป่าเอาไว้ ไม่เพียงแค่จังหวัดน่าน เพราะสภาพการบุกรุกเกิดขึ้นโดยทั่วไป และไม่สามารถป้องกันทรัพยากรป่าไม้จากผู้บุกรุก และจากข้าราชการที่หาผลประโยชน์ได้
3. ต้องปฏิรูปการโยกย้ายแต่งตั้ง ให้ได้คนดีมีความสามารถ และมีประสบการณ์ ได้มีโอกาสเข้าสู่ตำแหน่งที่สำคัญ เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ไม่ใช่แต่งตั้งพวกนักวิ่งเต้นจ่ายเงินซื้อตำแหน่ง หรือคนเฝ้าบ้านหรือคอยรับใช้ผู้มีอำนาจเหมือนอดีตที่ผ่านมา จนคนดีๆ มีความสามารถหมดกำลังใจและเสียงแผ่วเบาลง ปล่อยให้คนเลวมีอำนาจและเสียงดังขึ้นทุกขณะ
4. ปราบปรามการทุจริตอย่างเด็ดขาดในทุกหน่วยงาน อาทิเช่น หน่วยเพาะชำกล้าไม้ก็ต้องเพาะจริง ไม่ใช่เบิกแต่เงิน ส่วนของจริงมีแต่"กล้าลม" และไม่สามารถแจกจ่ายไปปลูกได้ สร้างความเสียหายมาแล้วมากมาย
หน่วยป้องกันรักษาป่ากว่า 500 หน่วย ต้องมีประสิทธิภาพที่สามารถป้องกันรักษาป่าได้ โดยสนับสนุนทั้งเงินและคนให้พร้อม ไม่ใช่เก็บทุกอย่างไว้ส่วนกลางเพื่อเบิกเป็นค่าใช้จ่ายปรนเปรอผู้บริหารและปล่อยให้หน่วยป้องกันในพื้นที่ทำงานตามยถากรรม
ด่านป่าไม้ที่มีมากมายทั่วประเทศ กว่า 50 ด่าน กำชับให้มีการทำหน้าที่ตรวจสอบการเคลื่อนย้ายไม้ เพื่อเป็นการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าตามที่ออกแบบไว้ ไม่ใช่มีไว้เพื่อทำหน้าที่เก็บส่วยส่งผู้มีอำนาจและต่อท่อเข้าสู่หลังบ้านผู้มีอำนาจเหมือนที่ผ่านมา จนถือว่าด่านป่าไม้เป็นตำแหน่งที่เป็น"ขุมทอง"ที่ต้องวิ่งเต้นที่จะไปอยู่กัน
อุทยานแห่งชาติก็ให้มีหน้าที่ป้องกันทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานเป็นหลัก ให้งานบริการนักท่องเที่ยวไว้เป็นอันดับรอง แล้วล้มล้างระบบส่วย เงินรายได้ ทั้งการจัดเก็บและการใช้เงินรายได้ที่มุ่งหวัง"เงินทอน"มากกว่าใช้เพื่อการพัฒนาอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ต้องให้ได้ผู้บริหารและหัวหน้าหน่วยงานที่มีฝีมือ มีอุดมการณ์และความรู้ที่แท้จริง ไม่ใช่เพราะเพียงมีเส้นสายก็ข้ามมาทำงานด้านนี้ ซึ่งเป็นงานที่มีความสำคัญทั้งระดับพื้นที่และระดับนานาชาติ
หน่วยอนุรักษ์ต้นน้ำและสวนป่า ให้มีการตรวจสอบย้อนหลังว่ามีการปลูกป่าที่ไหน เท่าไหร่ ด้วยงบประมาณจากไหนและเท่าไหร่ ขณะนี้มีสภาพพื้นที่ปลูกเป็นอย่างไร และควรจะรับผิดชอบอย่างไร เพราะมีการปล่อยปละละเลยสะสมปัญหาไว้มากมาย ส่วนในระดับนโยบายก็ควรจะมีความชัดเจนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ให้มีการตรวจสอบติดตามอย่างเข้มข้นไม่ใช่ให้งานอีเวนท์มาบังตา จนไม่สามารถมองเห็นของจริงที่อยู่ข้างหลัง ในระดับนโยบายอีกเช่นกันก็ต้องไม่ไปหลงเชื่อข้าราชการที่มีความสามารถแค่ทำงานด้วยปากและทำงานเฉพาะหน้าจอโทรทัศน์กับสื่อมวลชนเท่านั้น ต้องค้นหาของจริงและคนจริงให้เจอเพื่อเอามาทำงาน จึงจะสามารถทำงานด้านนี้ให้ประสบความสำเร็จได้ ไม่เช่นนั้นสภาพทรัพยากรป่าไม้ที่เลวร้ายอยู่แล้วตามที่ปรากฏให้เห็น ก็ยิ่งจะเลวร้ายขึ้นไปอีก
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผู้หญิงอกสามศอกอย่าง"อองซาน ซู จี" ผู้นำพม่าได้ประกาศยุติการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศพม่าทั้งประเทศ โดยพร้อมที่จะต่อสู้และเปลี่ยนแปลงเพื่อการปกป้องทรัพยากรป่าไม้ในประเทศ พวกผมรอท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทส. ชายชาติทหาร ออกมายืนหยัดกับปัญหานี้เหมือนกับที่อองซาน ซู จี ผู้นำชาวพม่า เดินหน้าเป็นแบบอย่างให้เห็น. 

ขอขอบคุณที่ : http://www.dailynews.co.th/article/395397

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...