วันที่ 30 มิ.ย. 59 กรมป่าไม้ ,ทัพภาค 3, ศปป4.กอ.รมน. สนธิกำลังเข้าดำเนินคดีกลุ่มทุนอิทธิพลบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติฯ
ที่นำมาจัดสรรให้ผู้ยากไร้ในเขตนิคมสหกรณ์ภายหลังตรวจพบแอบนำชื่อชาวบ้านมาสวมสิทธิ์
สรุปตรวจยึดเบื้องต้น 4 แปลงกว่า 2,400 ไร่ และคาดว่าจะตรวจพบอีกหลายพันไร่
ตามที่นายชลธิศ สุรัสวดี
สั่งการด่วนให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้บุกรุกที่ดินในเขตป่าต้นน้ำอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร
ภายหลังได้รับรายงานกลุ่มทุนมีอิทธิพลเข้ายึดถือครอบครองที่ดินหลายพันไร่ทำสวนยางพารา
และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่กล้าดำเนินการ ต้องประสานชุดพยัคฆ์ไพร, ศปป4กอ.รมน. พร้อมฝ่ายทหารจากกองทัพภาค 3 เข้าช่วยบูรณาการตรวจยึดดำเนินคดี
ในวันที่ 30 มิถุนายน 2559 นี้ พร้อมกันตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ได้มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้แผนพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
กําหนดให้มีการดําเนินคดี กับผู้บุกรุกป่ารายที่เป็นนายทุน หรือผู้มีอิทธิพล
โดยใช้แนวทางการปฏิบัติตามคําสั่ง คสช. ที่ 64, 66/2557 และคําสั่ง
คสช.ที่ 13/2559
โดยเฉพาะในท้องที่ที่เป็นเขตป่าต้นน้ำลำธารสายหลักของประเทศประกอบด้วย
พื้นที่ป่าต้นน้ำปิง วัง ยม น่าน และ แม่น้ำป่าสักอันสืบเนื่องจากกรณีการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดต่างในท้องที่เขตจังหวัดทางภาคเหนือ
ที่ยังคงมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมบนพื้นที่ ป่าต้นน้ำลำธาร
ในเขตภูเขาสูงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะที่เป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองของกลุ่มผู้มีอิทธิพลระดับต่างๆ
และกลุ่มทุนจากนอกพื้นที่
และอธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ สุรัสวดี
ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมของกลุ่มทุนดังกล่าวจึงได้สั่งการให้ นายอรรถพล
เจริญชันษา ผู้อำนวนการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม
พร้อมชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพรได้เดินทางเข้าพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร
และได้ประสานการปฎิบัติร่วมกับ พ.อ.พงษ์เพชร
เกษสุภะ ศปป4.กอ.รมน, เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ของกรมป่าไม้
เดินทางลงพื้นที่ ร่วมกันตรวจสอบ และดําเนินการบังคับใช้
กฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกบุกรุกจำนวนหลายพันไร่
โดยจะเข้าตรวจยึดดำเนินคดี กลุ่มทุนจากนอกพื้นที่
ที่เข้ามายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่
ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้รับการยืนยันจากชุนชนและมีการตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าเป็นกลุ่มทุนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำกินหรือ
อยู่อาศัยในเขตป่าตามเงื่อนไขแต่อย่างใด
และวันที่ 30 มิถุนายน 2559 พล.ต.นพพร
เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4/ผบ.กกล.รส.พล.ร.4 เดินทางมาอำนวยการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มทุนดังกล่าว
ร่วมกับชุดปฏิบัติการของชุดพยัคฆ์ไพร ,ศปป4.กอ.รมน., ชุดปฏิบัติการของกรมป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่,และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จำนวน
200 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่จำนวน4แปลงในท้องที่ ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน
จังหวัดกำแพงเพชร พื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่ตรวจพบ
บ้านพักตากอากาศหรูขนาดใหญ่ในแปลงเป้าหมายที่ตรวจยึดดำเนินคดี
มีการตัดถนนภายในแปลงอย่างเป็นระบบ
ตรวจพบมีการปักเสาพาดสายไฟเพื่อนำไปสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านและส่งน้ำไปตามท่อขนาดใหญ่ส่งไปทั่วบริเวณสวนนับพันไร่
และข้อมูลจากการขยายผลของ นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย
ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (ตาก) และนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า
ให้รายละเอียดว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองสวนหมากและป่าคลองขลุง
ซึ่งพื้นที่ตรวจยึดอยู่คาบเกี่ยวกับพื้นที่นิคมสหกรณ์คลองสวนหมาก
ซึ่งขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้เพื่อจัดสรรที่ทำกินให้เกษตรกรผู้ยากไร้ตั้งแต่ปี 2531
แต่จากการตรวจพบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มีการแอบเอาชื่อชาวบ้านไปแสดงสวมสิทธิ์ไว้
รายละ 50 ไร่ จำนวนนับสิบรายและจากการสอบสวนชาวบ้านที่ถูกนำชื่อไปสวมสิทธิ์พบว่าชาวบ้านทั้งหมดไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองได้ครอบครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว
ชาวบ้านที่
ถูกแอบอ้างให้การว่าพวกตนเองเพียงเคยเป็นลูกจ้างของกลุ่มทุนดังกล่าวซึ่งช่วงแรกปลูกสวนส้มและมีการเรียกบัตรประชาชนของชาวบ้านไปโดยอ้างว่าเพื่อไปทำเรื่องจ้างงาน
แต่ไม่ทราบว่าถูกนำชื่อไปใส่สวมสิทธิ์ในเขตนิคมตั้งแต่เมื่อไร
และเมื่อคณะเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีนายทุนจากที่อื่นเข้ามายึดถือครอบครองและแอบนำชื่อชาวบ้านไปแอบสวมสิทธิ์โดยชาวบ้านไม่เคยทราบมาก่อนจริงและช่วงแรกจะทำสวนส้ม
ภายหลังมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปให้กลุ่มทุนจากภาคใต้เข้ามาปลูกยางพาราซึ่งสืบทราบแล้ว
4 ราย และข้อมูลจากผู้นำชุมชนในพื้นที่
ให้การตรงกันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของกลุ่มทุน และที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากแหล่งน้ำของชุมชนที่ใช้ร่วมกันถูกกลุ่มทุนสูบขึ้นไปใช้จำนวนมากจนขาดแคลนช่วงหน้าแล้ง
จึงต้องนำข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มทุนส่งให้เจ้าหน้าที่เพื่อเข้าดำเนินการตรวจยึดจับกุมดังกล่าว
ทางด้าน พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ได้สั่งการให้คณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการขยายผลให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง
และให้ดำเนินการขยายผลต่อเนื่องอีกซึ่งคาดว่าจะมีอีกหลายพันไร่ในพื้นที่ดังกล่าว
และให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ดำเนินการรื้อถอนตามมาตรา
25 ของ
พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติๆเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาฟื้นฟู
เป็นป่าต้นน้ำเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางตามแผนงาน พลิกฝืนพื้นป่า
สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ต่อไป.
ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล : นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หน.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น