วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

กรมป่าไม้ ,ทัพภาค 3, ศปป4.กอ.รมน. สนธิกำลังเข้าดำเนินคดีกลุ่มทุนอิทธิพลบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติฯ พื้นที่กำแพงเพชร

  วันที่ 30 มิ.ย. 59  กรมป่าไม้ ,ทัพภาค 3, ศปป4.กอ.รมน.   สนธิกำลังเข้าดำเนินคดีกลุ่มทุนอิทธิพลบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติฯ ที่นำมาจัดสรรให้ผู้ยากไร้ในเขตนิคมสหกรณ์ภายหลังตรวจพบแอบนำชื่อชาวบ้านมาสวมสิทธิ์ สรุปตรวจยึดเบื้องต้น 4 แปลงกว่า 2,400 ไร่ และคาดว่าจะตรวจพบอีกหลายพันไร่ 



ตามที่นายชลธิศ สุรัสวดี สั่งการด่วนให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้บุกรุกที่ดินในเขตป่าต้นน้ำอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ภายหลังได้รับรายงานกลุ่มทุนมีอิทธิพลเข้ายึดถือครอบครองที่ดินหลายพันไร่ทำสวนยางพารา และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่กล้าดำเนินการ ต้องประสานชุดพยัคฆ์ไพร, ศปป4กอ.รมน. พร้อมฝ่ายทหารจากกองทัพภาค 3 เข้าช่วยบูรณาการตรวจยึดดำเนินคดี ในวันที่ 30 มิถุนายน 2559 นี้  พร้อมกันตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์  ได้มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมาย ภายใต้แผนพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กําหนดให้มีการดําเนินคดี กับผู้บุกรุกป่ารายที่เป็นนายทุน หรือผู้มีอิทธิพล โดยใช้แนวทางการปฏิบัติตามคําสั่ง คสช. ที่ 64, 66/2557 และคําสั่ง คสช.ที่ 13/2559 โดยเฉพาะในท้องที่ที่เป็นเขตป่าต้นน้ำลำธารสายหลักของประเทศประกอบด้วย พื้นที่ป่าต้นน้ำปิง วัง ยม น่าน และ แม่น้ำป่าสักอันสืบเนื่องจากกรณีการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดต่างในท้องที่เขตจังหวัดทางภาคเหนือ ที่ยังคงมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมบนพื้นที่ ป่าต้นน้ำลำธาร ในเขตภูเขาสูงอย่างรุนแรงโดยเฉพาะที่เป็นการบุกรุกยึดถือครอบครองของกลุ่มผู้มีอิทธิพลระดับต่างๆ และกลุ่มทุนจากนอกพื้นที่

และอธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ  สุรัสวดี  ได้รับรายงานถึงพฤติกรรมของกลุ่มทุนดังกล่าวจึงได้สั่งการให้ นายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวนการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม พร้อมชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพรได้เดินทางเข้าพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ ในท้องที่จังหวัดกำแพงเพชร และได้ประสานการปฎิบัติร่วมกับ  พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ  ศปป4.กอ.รมน, เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ของกรมป่าไม้ เดินทางลงพื้นที่ ร่วมกันตรวจสอบ และดําเนินการบังคับใช้ กฎหมายอย่างเร่งด่วนต่อพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกบุกรุกจำนวนหลายพันไร่ โดยจะเข้าตรวจยึดดำเนินคดี กลุ่มทุนจากนอกพื้นที่ ที่เข้ามายึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้รับการยืนยันจากชุนชนและมีการตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่าเป็นกลุ่มทุนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะทำกินหรือ อยู่อาศัยในเขตป่าตามเงื่อนไขแต่อย่างใด 





    และวันที่ 30 มิถุนายน  2559  พล.ต.นพพร เรือนจันทร์ ผบ.พล.ร.4/ผบ.กกล.รส.พล.ร.4 เดินทางมาอำนวยการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มทุนดังกล่าว ร่วมกับชุดปฏิบัติการของชุดพยัคฆ์ไพร ,ศปป4.กอ.รมน., ชุดปฏิบัติการของกรมป่าไม้ที่รับผิดชอบพื้นที่,และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จำนวน 200 นาย เข้าตรวจสอบพื้นที่จำนวน4แปลงในท้องที่ ตำบลสักงาม อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร พื้นที่ประมาณ 2,400 ไร่ตรวจพบ บ้านพักตากอากาศหรูขนาดใหญ่ในแปลงเป้าหมายที่ตรวจยึดดำเนินคดี มีการตัดถนนภายในแปลงอย่างเป็นระบบ
ตรวจพบมีการปักเสาพาดสายไฟเพื่อนำไปสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านและส่งน้ำไปตามท่อขนาดใหญ่ส่งไปทั่วบริเวณสวนนับพันไร่ และข้อมูลจากการขยายผลของ นายสมหวัง เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (ตาก) และนายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่า ให้รายละเอียดว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองสวนหมากและป่าคลองขลุง  ซึ่งพื้นที่ตรวจยึดอยู่คาบเกี่ยวกับพื้นที่นิคมสหกรณ์คลองสวนหมาก ซึ่งขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้เพื่อจัดสรรที่ทำกินให้เกษตรกรผู้ยากไร้ตั้งแต่ปี 2531 แต่จากการตรวจพบว่าพื้นที่ดังกล่าวได้มีการแอบเอาชื่อชาวบ้านไปแสดงสวมสิทธิ์ไว้ รายละ 50 ไร่ จำนวนนับสิบรายและจากการสอบสวนชาวบ้านที่ถูกนำชื่อไปสวมสิทธิ์พบว่าชาวบ้านทั้งหมดไม่เคยทราบมาก่อนว่าตนเองได้ครอบครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว







ชาวบ้านที่ ถูกแอบอ้างให้การว่าพวกตนเองเพียงเคยเป็นลูกจ้างของกลุ่มทุนดังกล่าวซึ่งช่วงแรกปลูกสวนส้มและมีการเรียกบัตรประชาชนของชาวบ้านไปโดยอ้างว่าเพื่อไปทำเรื่องจ้างงาน
แต่ไม่ทราบว่าถูกนำชื่อไปใส่สวมสิทธิ์ในเขตนิคมตั้งแต่เมื่อไร และเมื่อคณะเจ้าหน้าที่ขยายผลตรวจสอบพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีนายทุนจากที่อื่นเข้ามายึดถือครอบครองและแอบนำชื่อชาวบ้านไปแอบสวมสิทธิ์โดยชาวบ้านไม่เคยทราบมาก่อนจริงและช่วงแรกจะทำสวนส้ม ภายหลังมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปให้กลุ่มทุนจากภาคใต้เข้ามาปลูกยางพาราซึ่งสืบทราบแล้ว 4 ราย และข้อมูลจากผู้นำชุมชนในพื้นที่ ให้การตรงกันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของกลุ่มทุน และที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากแหล่งน้ำของชุมชนที่ใช้ร่วมกันถูกกลุ่มทุนสูบขึ้นไปใช้จำนวนมากจนขาดแคลนช่วงหน้าแล้ง จึงต้องนำข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มทุนส่งให้เจ้าหน้าที่เพื่อเข้าดำเนินการตรวจยึดจับกุมดังกล่าว




    
ทางด้าน พล.ต.นพพร เรือนจันทร์  ได้สั่งการให้คณะเจ้าหน้าที่ดำเนินการขยายผลให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลัง และให้ดำเนินการขยายผลต่อเนื่องอีกซึ่งคาดว่าจะมีอีกหลายพันไร่ในพื้นที่ดังกล่าว
และให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ดำเนินการรื้อถอนตามมาตรา  25 ของ พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติๆเพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาฟื้นฟู เป็นป่าต้นน้ำเพื่อให้เป็นไปตามแนวทางตามแผนงาน พลิกฝืนพื้นป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ต่อไป.

ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล : นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หน.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...