อธิบดีกรมป่าไม้ นายชลธิศ สุรัสวดี
สั่งนายอรรถพล เจริญชันษา และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม
นำชุดพยัคฆ์ไพรลงตรวจสอบรีสอร์ทหรู ตามแผนๆตรวจเข้ม
970 รีสอร์ทในเขตป่าไม้ เป้าหมายแรก พื้นที่นำร่องเขาค้อ อำเภอเขาค้อ
จังหวัดเพชรบูรณ์ ภายหลังได้รับรายงานตรวจพบ โรงแรม รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศ
970 แห่งทั่วประเทศในเขตป่าไม้ สั่งให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ได้ความชัดเจน
ต่อการครอบที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆ ในความรับผิดชอบของ กรมป่าไม้
ภายหลังได้รับการรายงานจากชุดพยัคฆ์ไพร
ที่ตรวจพบแล้ว มีทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน
ในส่วนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินก็น่าจะออกมาด้วยความคลาดเคลื่อน และไม่ชอบด้วยกฎหมายจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2559
นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้
พร้อมนายอรรถพล เจริญชันษา ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
ได้เรียกประชุมผู้อำนวยการส่วนป้องกันและควบคุมไฟป่า
จากทุกสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ทั่วประเทศ เพื่อสั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบ
โรงแรม รีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศของกลุ่มทุนในเขตป่าไม้ทั่วประเทศ
ตามที่ได้รับการรายงาน จำนวน 970 แห่งโดยกำหนดแนวทาง
และขั้นตอนการดำเนินให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันโดยให้แล้วเสร็จภายใน
วันที่ 30 กันยายน 2559 และอธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้
ให้นายอรรพล เจริญชันษา และนายชีวะภาพ
ชีวะธรรม นำชุดปฎิบัติการพยัคฆ์ไพร
ประสานการปฎิบัติร่วมกับ พอ.พงษ์เพชร
เกษสุภะ ศปป 4.กอ.กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
เข้าตรวจเข้มพื้นแรกคือในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาโปกหล่น อำเภอเขาค้อ
จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยข้อมูลจากการอ่านแปลภาพถ่ายพบ 58 แห่งที่ต้องเข้าดำเนินการตรวจสอบ
โดยจะเข้าดำเนินการในวันที่ 25 มิถุนายน
2559 ให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย
พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมาย
ภายใต้แผนพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กําหนดให้มีการดําเนินคดี
กับผู้บุกรุกป่า รายที่เป็นนายทุน หรือผู้มีอิทธิพล
โดยใช้แนวทางการปฏิบัติตามคําสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66/2557 และ คําสั่ง คสช.ที่ 13/2559 โดยเฉพาะในท้องที่ที่เป็นเขตป่าต้นน้ำลำธารสายหลักของประเทศประกอบด้วย
พื้นที่ป่าต้นน้ำปิง วัง ยม น่าน และ
แม่น้ำป่าสัก อันสืบเนื่องจากกรณีมีการบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดต่างในหลายท้องที่เขตจังหวัดทางภาคเหนือ
ที่ยังคงมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมบนพื้นที่ ป่าต้นน้ำลำธาร
ในเขตภูเขาสูงอย่างรุนแรง
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม เปิดเผยว่าจากการลงพื้นที่ ตรวจสอบพบเบื้องต้น
พบว่ามีการก่อสร้างรีสอร์ท, โรงแรมหรู, บ้านพักตากอากาศหรู จำนวนมากที่ตรวจสอบพบอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งมีทั้งประเภทที่เป็นการครอบครองที่ดินแบบมือเปล่า
และประเภทมีเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งเมื่อตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า
น่าจะเป็นเอกสารสิทธิที่ดิน
ที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นการออกโดยการเดินสำรวจโดยไม่ได้มีการแจ้งครอบครอง
สค1ตามระเบียบ ซึ่งไม่สามารถเดินสำรวจได้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆและเขตป่าไม้ถาวร และจะต้องมีการขยายผลดำเนินตรวจสอบให้ชัดเจน
และเสนอให้กรมที่ดิน ดำเนินการเพิกถอนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในส่วนของการครอบครองแบบมือเปล่าโดยไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่อาศัยได้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตรวจพบแล้วหลายรีสอร์ท
และยังตรวจสอบพบว่ามีหลายจุด ที่เพิ่งก่อสร้างใหม่
ภายหลังที่มีคำสั่งที่ 64/2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ซึ่งเป็นการบุกรุกใหม่ต้องดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มนี้เป็นอันดับต้นๆ
และจะขยายผลให้ถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางตามแผนงาน
พลิกฝืนพื้นป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป.
ขอขอบคุณข้อมูลจาก นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หน.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น