อธิบดีกรมป่าไม้
นายชลธิศ สุรัสวดี
สั่งพยัคฆ์ไพรลงตรวจสอบรีสอร์ทหรูในเขตอำเภอสะเมิงจังหวัดเชียงใหม่
สั่งให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายให้ได้ความชัดเจน
ต่อการครอบที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆในความรับผิดชอบของ กรมป่าไม้
ภายหลังได้รับการรายงานจากชุดพยัคฆ์ไพร ว่าตรวจพบรีสอร์ทในเขตป่า
ที่อยู่ในความรับผิดชอบ มากกว่า 900
รีสอร์ททั่วประเทศและเฉพาะในเขตจังหวัดเชียงใหม่ กว่า 80 รีสอร์ท
ที่ตรวจพบแล้ว มีทั้งที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดิน
ในส่วนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ดินก็น่าจะออกมาคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เมื่อวันที่
12
มิถุนายน 2559 นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมนายอรรถพล เจริญชันษา
ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า
เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
เพื่ออำนวยการปฎิบัติการของชุด
ปฎิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบการบุกรุกยึด
ถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
เพื่อนำไปสร้างรีสอร์ท โรงแรม บ้านพักตากอากาศ
ที่ผิดกฎหมาย
ในเขตท้องที่ อ.สะเมิง จังหวัดเชียงใหม่
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีนโยบายในการบังคับใช้กฎหมาย
ภายใต้แผนพลิกฟื้นผืนป่าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กําหนดให้มีการดําเนินคดี
กับผู้บุกรุกป่า รายที่เป็นนายทุน หรือผู้มีอิทธิพล
โดยใช้แนวทางการปฏิบัติตามคําสั่ง คสช.ที่ 64 และ
66/2557 และ คําสั่ง คสช.ที่ 13/2559 โดยเฉพาะในท้องที่ที่เป็นเขตป่าต้นน้ำลำธารสายหลักของประเทศประกอบด้วย
พื้นที่ป่าต้นน้ำปิง วัง ยม น่าน และ
แม่น้ำป่าสักอันสืบเนื่องจากกรณีกาบุกรุกยึดถือครอบครองพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตจังหวัดต่างในท้องที่เขตจังหวัดทางภาคเหนือ
ที่ยังคงมีความรุนแรงส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมบนพื้นที่ ป่าต้นน้ำลำธาร
ในเขตภูเขาสูงอย่างรุนแรง
และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม
หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ได้ประสานการปฎิบัติร่วมกับ
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติการ ศปป. 4 กอ.รมน.
ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรที่1(เชียงใหม่) ,เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ,ฝ่ายตำรวจและ
หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ของกรมป่าไม้ เดินทางลงพื้นที่เขตอำเภอสะเมิง
จังหวัดเชียงใหม่
ร่วมกันเข้าตรวจสอบการบุกรุกครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆ
จากการลงพื้นที่ ตรวจสอบพบเบื้องต้น พบว่ามีการก่อสร้างรีสอร์ท ,โรงแรมหรู,บ้านพักตากอากาศหรู
จำนวนมากที่ตรวจสอบพบอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งมีทั้งประเภทที่เป็นการครอบครองที่ดินแบบมือเปล่า
และประเภทมีเอกสารสิทธิที่ดินซึ่งเมื่อตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า
น่าจะเป็นเอกสารสิทธิที่ดิน ที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะเป็นการออกโดยการเดินสำรวจโดยไม่ได้มีการแจ้งครอบครอง
สค1ตามระเบียบ
ซึ่งไม่สามารถเดินสำรวจได้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติๆและเขตป่าไม้ถาวร
และจะต้องมีการขยายผลดำเนินตรวจสอบให้ชัดเจน และเสนอให้กรมที่ดิน
ดำเนินการเพิกถอนตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ในส่วนของการครอบครองแบบมือเปล่าโดยไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่อาศัยได้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งตรวจพบแล้วหลายรีสอร์ท
และ อธิบดีกรมป่าไม้ ยังได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้นายอรรถพล
เจริญชันษาและนายชีวะภาพ ชีวะธรรม
ประสานการปฎิบัติ ร่วมกับ พอ.พงษ์เพชร
เกษสุภะ ศปป4.กอ.กอ.รมน. และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขยายผลการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าไม้เพื่อนำพื้นที่ไปทำรีสอร์ทอย่างผิดกฎหมายให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาด
และให้ขยายผลให้ถึงผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังให้ได้ เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางตามแผนงาน
พลิกฝืนพื้นป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป.
ที่มาของข้อมูล : นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หน.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น