วันนี้ (1 มิ.ย.59) เวลา 11.00 น. นายธัญญา
เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นายณัฐพล รัตนพันธุ์
ผู้อำนวยการส่วนจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเล นายกิตติพัฒน์ ธาราภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พร้อมด้วย
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พ.ต.ท.ประวุธ
วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
ได้แถลงผลการดำเนินร่วมกันในคดีกับผู้บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ
และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก-ป่าเขาเมือง จำนวน ๕ คดี ในพื้นที่ หมู่ที่ ๒ และหมู่
๓ ตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุมสถาบันประชารัฐพิทักษ์ทะเล
อุทยานแห่งชาติ สิรินาถ จังหวัดภูเก็ต
นายธัญญา
เนติธรรมกุล ได้กล่าวว่าจากคำสั่ง คสช.ที่ ๖๔/๒๕๕๗
เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายของรัฐบาลที่จะทวงคืนผืนป่าให้กลับมาเป็นของรัฐ
โดยได้ตรวจสอบพบว่ามีกลุ่มนายทุกรายใหญ่ได้เข้ามายึดพื้นที่อุทยานสิรินาถ
บริเวณหมู่ที่ ๒ และ ๓ ตำบลสาคู อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
โดยมีการออกเอกสารสิทธิไปแล้วจำนวน ๔ แปลง และอยู่ระหว่างการยื่นคำขอออกโฉนดจำนวน
๕ แปลง ในส่วนของการออกเอกสารสิทธิไปแล้ว
ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษ
ขณะนี้ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไป ๑ คดี (๒ แปลง) ส่วนอีก ๑ คดี (๒ แปลง) อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน
ในส่วนที่ได้มีการยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินจำนวน ๕ แปลง โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต
สาขาถลาง ได้ตรวจพบว่าหลักฐาน ส.ค.๑ ที่นำมาใช้ในการออกเอกสารสิทธิเป็นหลักฐานของที่ดินแปลงอื่น
จึงได้ถอนคำขอ และที่สำคัญกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ส่ง ส.ค.๑ จำนวน ๗ ฉบับ
ไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ก็ได้พบว่าเป็นเอกสารปลอมทั้งหมด
จึงได้ส่งข้อมูลประสานมายังหัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถเพื่อนำไปประกอบการร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ที่ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินทั้ง
๕ ราย ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง ๕ ราย ได้ยื่นฟ้องสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง
ต่อศาลปกครองนครศรีธรรมราช
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดให้กับผู้ร้องดังกล่าว
อันเป็นการแสดงการยึดถือครอบครองอุทยานแห่งชาติสิรินาถและป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวก-ป่าเขาเมือง
โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์
สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ได้ร่วมกันเป็นพยานต่อศาลจังหวัดภูเก็ต
จนในที่สุดศาลจังหวัดภูเก็ตได้มีคำพิพากษา ดังนี้
๑.
จำคุก น.ส.อโนมา ฝางเสน เป็นเวลา ๑๔ ปี ปรับเป็นจำนวนเงิน
9 ล้านกว่าบาท
ได้บุกรุกอุทยานฯ
และป่าสงวนฯ เป็นเนื้อที่ ๙๖-๒-๘๖.๓
ไร่ (อ้าง ส.ค.๑ เลขที่ ๒๓)
๒.
จำคุก นายประภาส แซ่อ๋อง เป็นเวลา ๑๒ ปี ปรับเป็นจำนวนเงิน 9 ล้านกว่าบาท
ได้บุกรุกอุทยานฯ และป่าสงวนฯ เป็นเนื้อที่ ๗๔-๓-๔ ไร่ (อ้าง ส.ค.๑ เลขที่ ๔๔)
๓.
จำคุก นายประภาส แซ่อ๋อง เป็นเวลา ๑๒ ปี ปรับเป็นจำนวนเงิน 9 ล้านกว่าบาท
ได้บุกรุกอุทยานฯ และป่าสงวนฯ เป็นเนื้อที่ ๙๖-๓-๔๕ ไร่ (อ้าง ส.ค.๑ เลขที่ ๔๕)
๔.
จำคุก นายนคร วงษ์สีทอง เป็นเวลา 13 ปี ปรับเป็นจำนวนเงิน
9 ล้านกว่าบาท
ได้บุกรุกอุทยานฯ และป่าสงวนฯ เป็นเนื้อที่ ๘๐-๒-๗๓.๔ ไร่ (อ้าง ส.ค.๑ เลขที่ ๓๒)
๕.
จำคุก นายจันทร์ พงษ์พา เป็นเวลา 8 ปี 8 เดือน
ปรับเป็นจำนวนเงิน 9 ล้านกว่าบาท
ได้บุกรุกอุทยานฯ
และป่าสงวนฯ เป็นเนื้อที่ ๘๐-๐-๗๒.๘ ไร่ (อ้าง ส.ค.๑ เลขที่ ๑๑๐)
ซึ่งบุคคลเหล่านี้เป็นเพียงตัวแทนของผู้อยู่เบื้องหลังรายใหญ่และกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทำการสืบสวนสอบสวน
รวบรวมพยานหลักฐานขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลรายสำคัญนี้ต่อไป
นายธัญญา เนติธรรมกุล กล่าวอีกว่า ความสำเร็จในการบังคับใช้กฎหมายในครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมสอบสวนคดีพิเศษ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต สาขาถลาง ซึ่งหากได้มีการบูรณาการในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายได้อย่างเด็ดขาด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติสืบไป
ที่มา...เฟสบุ๊คแฟนเพจ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น