เจ้าหน้าที่ฯ ตรวจ ยึดคืน พื้นที่สวนป่าคืนจากผู้บุกรุก

               วันนี้  (12 มิ.ย. 57) เวลา 10.30 น. หัวหน้าโครงการฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบวาตภัยจากไต้ฝุ่นเกย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าชุมพร

                ซึ่งสองหน่วยงานนี้สังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่า  พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ใน  ม. 7  ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร  ซึ่งพื้นที่ที่กล่าวนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบก่อนหน้านี้แล้ว  พบว่าได้มีการบุกรุกพื้นที่ ตัดต้นไม้จำนวนมาก และตัดทำลายไม้พื้นล่าง เช่น หวาย และมีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ปาล์มน้ำมัน  แซกไว้ในพื้นที่ป่าจำนวนมาก  พื้นที่ที่ถูกบุกรุก ตัดโค่นต้นไม้ประมาณ 16-18 ไร่  ซึ่งเป็นพื้นที่สวนป่าแห่งนี้ เนื้อที่ทั้งหมดเกือบ  ๒,๐๐๐ ไร่  อายุสวนป่าประมาณ ๑๙-๒๐  ปี  ชนิดไม้กระถินเทพา ไม้พื้นล่างหลากหลายชนิด เช่น หวาย และไม้เดิมของป่าขึ้นมาอีกมากมาย  ป่ายังอุดมสมบูรณ์มาก   แต่ขณะนี้ หวายและไม้กระถินเทพาโดน ตัด โค่น  เจาะ เพื่อทำแนวเขตในการจับจองพื้นที่  และเจาะทายาเพื่อต้องการให้ป่าที่เคยสมบูรณ์กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม  กลุ่มคนที่เข้าไป  จับจอง โค่น ตัดไม้ ทำเป็นแนวแบ่งเขตอย่างชัดเจน ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบตัวผู้ต้องหา และได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานการบุกรุก นำส่ง และแจ้งความเอาผิดผู้บุกรุกต่อพนักงานสอบสวน สภ.สลุย  เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป.

พื้นที่ก่อนถูกบุกรุกซึ่งสภาพป่ามีความสมบูรณ์มาก ต้นไม้มีหลายขนาด มีทั้งไม้เล็กไม้ใหญ่ และไม้พื้นล่างชนิดต่างๆมากมาย                                   

เปรียบเทียบความแตกต่างของป่า ก่อนถูกบุกรุก  และหลังถูกบุกรุก
(ด้านบน ยังไม่ถูกบุกรุก ส่วนด้านล่างถูกบุกรุกแล้ว)

    ซึ่งในการปฏิบัติการในครั้งนี้ภายใต้คำสั่งการ จากนายฐากร ล้อมศตพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ 4  (สุราษฎร์ธานี)  สืบเนื่องจากคำสั่งจากคณะ คสช. ซึ่งเป็นนโยบายหลักๆ และมุ่งเน้นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติในหลายๆ ด้าน เป็น 5 นโยบายหลัก    เมื่อ 31 พ.ค. 57  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองหัวหน้า คสช. หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ร่วมประชุมกับส่วนราชการของทส. โดยมีนายโชติ ตราชู ปลัด ทส. และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงทรัพยากรฯ ต้อนรับ โดยมีนายดำรงค์ พิเดช อดีตผู้ช่วยรมต.ทรัพยากรฯ และอดีตกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางเข้าร่วมประชุมพร้อมกับพล.ร.อ.ณรงค์ด้วย 

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ปัญหาใน กระทรวง ทรัพยากรฯ มี 5 เรื่อง คือ
1.การลักลอบตัดไม้ โดยเฉพาะไม้พะยูงที่มีการจับกุมทุกวัน และการครอบครองที่ดินในพื้นที่ป่าอย่างผิดกฎหมาย

2.การจัดการน้ำเชิงระบบที่ส่งผลต่อชีวิตผู้คน การจัดการน้ำเพื่อการเกษตร และปัญหาอุทกภัย

3.ปัญหามลพิษ ที่ยากจะแก้ไขให้หมดสิ้นในเวลาอันสั้น ปัญหาน้ำเสีย ปัญหาไฟป่า การกัดเซาะชายฝั่ง

4.การบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งหลายฉบับของทส. ไม่ทันสมัย ไม่ทันกับสถานการณ์ มีบทลงโทษต่ำจึงไม่มีผลต่อการปราบปรามเพราะผู้กระทำผิดไม่เกรงกลัว และการยกร่างกฎหมายขององค์กรอิสระมีอุปสรรค โดยเฉพาะกฎหมายรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และ

5.ปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่เอื้อให้มีการขับเคลื่อนการทำงานของทส. และไม่พัฒนาก้าวไปข้างหน้า

ชี้ช่วงนาทีทองแก้ปัญหา
"ปัญหาที่กรมอุทยานฯ ประสบอยู่ เป็นปัญหาหนัก และเข้าใจดีว่าเป็นปัญหาที่ผู้มีอิทธิพลเข้ามามีส่วนร่วม เพราะในบางพื้นที่มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งไม่สามารถทำได้ในระยะสั้น ดังนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่รู้เห็น และอาจไม่กล้ารายงานเพราะเกรงกลัวอิทธิพล จึงอยากบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงนาทีทองที่ทางการเมืองไม่สามารถสร้างแรงกดดันได้ หากโครงการหรือการทำงานในส่วนใด ที่เห็นว่าไม่ถูกต้องสามารถรายงานต่อคสช.ได้ทันที" พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว

             ประกอบกับเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายนิพนธ์ โชติบาล รองอธิบดี รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายโชติ ตราชู ปลัด ทส. สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติฯและกรมป่าไม้ส่งรายชื่อผู้มีอิทธิพลในกระบวนการตัดไม้ เพื่อรวบรวมส่งให้กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดี  ในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติฯนั้น แต่เดิมก็มีรายชื่อของกลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลในกระบวนการตัดไม้ และค้าสัตว์ป่าอยู่แล้ว ทั้งรายเล็ก และรายใหญ่  ในส่วนของกรมอุทยานแห่งชาติฯนั้นในเรื่องของการกวดขันเรื่องการลักลอบตัดไม้ และล่าสัตว์  ก็จะทำอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะเรื่องการลาดตระเวนดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ เพราะเวลานี้ ทาง คสช. เน้นเรื่องของการอนุรักษ์รักษาทรัพยากรทั้งป่าและสัตว์ป่ามาก  นายนิพนธ์ กล่าว.