วันที่ 27 พ.ค. 59 มีรายงานว่า
ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่กฎกระทรวงว่าด้วยการกําหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ
(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559 ดังนี้
“อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗ และมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง (๑)
แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. ๒๕๔๗
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการคดีพิเศษออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (๑๕) (๑๖) (๑๗) (๑๘) และ (๑๙)
แห่งกฎกระทรวงว่าด้วยการกําหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงว่าด้วยการกําหนดคดีพิเศษเพิ่มเติมตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษ
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕
“(๑๕) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่
“(๑๕) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่
(๑๖) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้
(๑๗) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
(๑๘) คดีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(๑๙) คดีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน”
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๙
พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม”
สำหรับเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่คดีความผิดเกี่ยวกับการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติ และที่ดิน เฉพาะคดีที่มีความซับซ้อน
จําเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ หรือคดีที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
ความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
หรือระบบเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ หรือคดีที่มีลักษณะเป็นการกระทําความผิด
ข้ามชาติที่สําคัญ
หรือเป็นการกระทําขององค์กรอาชญากรรมหรือคดีที่มีผู้ทรงอิทธิพลที่สําคัญเป็นตัวการ
ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน หรือคดีที่มีพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตํารวจชั้นผู้ใหญ่
ซึ่งมิใช่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
หรือเจ้าหน้าที่คดีพิเศษเป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่าน่าจะได้กระทําความผิดอาญา
หรือเป็นผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหา
จําเป็นต้องดําเนินการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษเพื่อที่จะนําตัวผู้กระทําความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
สมควรกําหนดให้เป็นคดีพิเศษ จึงจําเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติให้คดีความผิด 5
ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ คือ
ประมวลกฎหมายที่ดิน กฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ
กฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
เป็นอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษ
โดยไม่ต้องขอมติจากคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น