วันศุกร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2561

รวบแล้ว!! หัวหน้าแก๊งพะยูงเหิมยิงปะทะแหวกวงล้อม จนท. พร้อมสมุนคู่ใจ

 ความคืบหน้า การปฏิบัติการขยายผล ต่อกลุ่มขบวนการลักลอบไม้พะยูงรายใหญ่ข้ามชาติ ที่ยิงต่อสู้ขัดขวางการเข้าจับกุมของชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายได้ 3 รายและหลบหนีไปได้เกือบ 20 ราย






และวันนี้ (19 ม.ค. 2561) ชุดปฏิบัติการ บก.ปทส. นำโดย พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ได้เข้าจับกุม นายธวัชชัย รักษาศิล และลูกน้องคนสนิทได้ตามหมายจับ ในเขตท้องที่ จ.ขอนแก่น และนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผลที่ บก.ปทส.  เวลา 17.30น ของวันนี้ โดยจะมี นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ผอ.ศปก.พป.และ พล.ต.ปรเมศวร์ กันมินทร์ รอง ผอ.ศปป.4.กอ.รมน. ร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้

ความคืบหน้าล่าสุด เจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปก.พป)สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3,  โดยกองบัญชาการสอบสวนกลาง  และโดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการพอกเงิน ร่วมบูรณาการเพื่อขยายผลต่อกลุ่มขบวนการให้ถึงที่สุด







สืบเนื่องจากกรณีหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) พร้อมชุดปฏิบัติการของศูนย์พิทักษ์ไพร(ศปก.พป) ชุดปฏิบัติการของ ศปป4.กอ.รมน.  ได้เข้าปิดล้อมจับกุมและกลุ่มคนร้ายได้ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ เกิดการปะทะกับกลุ่มขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายาก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช เมื่อวันที่ 21ตุลาคม พ.ศ. 2560  จากการเข้าปฏิบัติการ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในระหว่างเกิดเหตุจำนวน 3 ราย และ สภ.อุดมทรัพย์  อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 22 ราย ซึ่งมี อดีตนายตำรวจยศ พ.ต.ท.รายหนึ่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ และ ทนายความคนหนึ่งที่ร่วมกับ นายตำรวจ ยศ พ.ต.ต ในพื้นที่อีกหนึ่งรายที่เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือด้านคดีกับกลุ่มขบวนการ
และคณะเจ้าหน้าที่ได้บูรณาการร่วมกันเพื่อขยายผลพบว่าขบวนนี้เป็นขบวนการใหญ่ระดับต้นของประเทศ  ผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก และผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพบว่าเป็นชาวไทยที่มีคดีลักลอบไม้พะยูงหลายคดี และชาวเวียดนามซึ่งมีพฤติกรรมไม่เกรงกลัวการบังคับใช้กฎหมายจากเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
 
ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.)โดยการอำนวยการของ นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ พล.ท.ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข.ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน., พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รักษาการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 3
     
ความคืบหน้าในการบูรณาการขยายผลในคดีดังกล่าว
1.      ได้ลงพื้นที่เป้าหมายบริเวณ รีสอร์ท "เรือนรัดเกล้า" ม.10 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ตามที่จากการขยายผลตามคำให้การของนาย สมิง สอนครบุรี ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในที่เกิดโดยนายสมิง ผู้ต้องหาให้การว่า กลุ่มขบวนการได้ใช้รีสอร์ทดังกล่าวเป็นที่พัก และวางแผนการของกลุ่มขบวนการในทุกครั้งที่ผ่านมา ก่อนที่กลุ่มขบวนการจะเข้าไปลักลอบทำไม้พะยูง

และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบขยายผล เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 มีนางปิยะนันท์ ชุ่มดวงแสดงตนเป็นผู้ดูแลรีสอร์ทโดยให้การว่ารีสอร์ท "เรือนรัดเกล้า" เป็นของ พ.ต.ท.ชุมพล เพ็งศิริ อดีตนายตำรวจนอกราชการ และแจ้งว่าเจ้าของไปทำธุระที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังนางปิยะนันท์ ขุ่มดวง ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ชุมพล เพ็งศิริ โดยให้รายละเอียดว่ารีสอร์ทดังกล่าวมีเอกสารสิทธิ์ที่ดินเป็น สปก. 4-01 และภายหลัง พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ได้แสดงตน และขอเข้าตรวจสอบภายในรีสอร์ทโดยพบว่ารีสอร์ทดังกล่าวก่อสร้างในเขตป่าไม้ ตาม พรบ.ป่าไม้ 2484    และอยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ตรวจสอบพื้นที่ของรีสอร์ทได้เนื้อที่ประมาณ 12 ไร่  คณะเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา ได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการในการเดินสำรวจเพื่อออก สปก.4-01 เท่านั้น ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารีสอร์ท ดังกล่าวได้เปิดบริการแล้วและพบว่าน่าจะใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์ คณะเจ้าหน้าที่จะประสานการปฏิบัติข้อมูลกับทางสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จังหวัดนครราชสีมา เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
2.      คณะเจ้าหน้าที่ ได้ขยายผลตรวจสอบในบริเวณที่เกิดตรงจุดที่ต้นพะยูงทั้งต้นที่ 1 และต้นที่2 ถูกตัดฟันตรวจพบ ไม้พะยูงท่อนจำนวน 2 ท่อนถูกคนร้ายพยายามเคลื่อนย้ายไม้พะยูงออกมาจากบริเวณตอไม้ ออกมาทิ้งไว้บนเส้นทางตรวจพบ และล้อเข็นแตกหักไม่สามารถขนย้ายได้กลุ่มคนร้ายจึงทิ้งไว้ในเส้นทาง คณะเจ้าหน้าที่จึงสำรวจโดยละเอียด ตรวจสอบโดยใช้การลอกลายหน้าตัดตรวจ
 พิสูจน์ พบว่าเป็นไม้ที่ถูกตัดฟันและตัดทอนออกมาจากต้นเดียวกัน คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันทำบันทึกเรื่องราวเพิ่มเติมส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อกลุ่มขบวนการ
3. หลังจากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบพื้นที่ ตรวจพบในบริเวณใกล้เคียงพบตอต้นพะยูงอีกต้นขนาดใหญ่วัดเส้นรอบวงได้ 284 เซนติเมตร ถูกตัดโค่นลงมาไม่นานและถูกแปรรูปขนย้ายไม้ออกไปยังเหลืออยู่บางส่วน คณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยโดยละเอียดพบว่าเป็นต้นพะยูงต้นเดียวกันกับที่ผู้ต้องรายนายเสฎวุฒิ เคนวัน  ให้การรับสารภาพว่าตนเอง และกลุ่มขบวนการได้เคยเข้ามาลักลอบออกไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 28 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา และพยายามจะเข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงอีกต้น แต่ถูกเจ้าหน้าที่ล้อมจับกุมเสียก่อน คณะเจ้าหน้าที่จึงร่วมกันบันทึกเรื่องราวร้องทุกข์กล่าวโทษส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ จ.นครราชสีมา เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการเพิ่มเติมอีกคดีหนึ่ง
4. การขยายผลเกี่ยวกับรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด และเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 นำโดย พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รักษาการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ในขณะนั้น) พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ ศปป4.กอ.รมน. นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร (ศปก.พป) และกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยหมวด รส. ร.9พัน.1 (โดย ร.อ.วัฒนา กุณา) ได้ลงพื้นที่เป้าหมาย
ตรวจสอบขยายผลรถยนต์ของกลางในคดี เป็นรถ ISUZU สีขาว ทะเบียน 1 กต 7416 กทม.ซึ่งตรวจสอบพบว่าปลอมแปลงทะเบียน และทะเบียนที่แท้จริง คือ ฆค 9344 กทม. จากการตรวจสอบเลขเครื่อง JE9657 เลขแชสซี MP1TFR85HBT119058 ซึ่งเป็นรถยนต์ของกลางในคดีดังกล่าว
 และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบขยายผล เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 มีนางปาทิตา ไชยชิต แสดงตนเป็นเจ้าของบ้านนำตรวจค้น และมี น.ส.นภกมล แก้วฉายแสง มีความเกี่ยวข้องเป็นน้องสาวของนางปาทิตา ให้การว่าเป็นผู้ใช้รถยนต์ทะเบียน ฆค 9344 โดยใช้ชื่อ น.ส.จิตรตรานิจ ไชยชิต เป็นผู้เช่าซื้อ และเกิดปัญหาทางการเงินจึงนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจำนำที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง เมื่อปี พ.ศ. 2557 มาทราบภายหลังว่าเต็นท์รถได้ขายรถคันดังกล่าวไปแล้ว และไม่ทราบเรื่องรถยนต์คันดังกล่าวอีกเลย และพร้อมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อไป

และคณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมเข้าตรวจสอบบริเวณเต็นท์รถยนต์ ของบริษัท เจ.เค.สมาร์ทคาร์ จำกัด ซึ่งเป็นเต็นท์รถยนต์ซึ่ง น.ส.นภกมล แก้วฉายแสง ให้การว่าได้นำรถยนต์คันที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดจับกุมได้ขณะขนไม้พะยูง มาจำนำไว้ตั้งแต่ปี 2557 และภายหลังไม่ทราบว่าถูกขบวนการนำไปขนไม้พะยูงได้อย่างไร ทางด้านนาย ธนณัฏฐ์ สมบัติอมรกุล อ้างว่าไม่สามารถจำได้ว่าเป็นรถคันไหน เพราะตนเองรับจำนำไว้จำนวนมาก และกล่าวอ้างว่าน่าจะเป็นรถที่ นายภูธดา (โอ)นายหน้าค้ารถยนต์นำมาจำนำไว้ และได้ขโมยออกไปจำนวน 4 คันหลายปีมาแล้ว  แต่ไม่ได้มีการแจ้งความไว้แต่อย่างใด พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รักษาการแทนผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงเชิญนาย ธนณัฏฐ์ สมบัติอมรกุล และผู้เกี่ยวข้องเพื่อไปบันทึกสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผลตามหาผู้กระทำผิดต่อไป
5. การขยายผลความผิดฐาน พ.ร.บ. การฟอกเงิน ทางด้าน ปปง. ได้ดำเนินการคืบหน้าไปมากทำให้ทราบความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการกับบุคคลอื่นอีกจำนวนมาก ซึ่งจะมีการดำเนินการขยายผลให้ถึงที่สุดต่อไป

และวันนี้ (19 ม.ค. 2561) ชุดปฏิบัติการ บก.ปทส. นำโดย พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ได้เข้าจับกุม นายธวัชชัย รักษาศิล และลูกน้องคนสนิทได้ตามหมายจับ ในเขตท้องที่ จ.ขอนแก่น และนำตัวมาสอบสวนเพื่อขยายผลที่ บก.ปทส.  เวลา 17.30 น. ของวันนี้ และในคดีนี้ทาง พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่าวันนี้เป็นการบูรณาการกันทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกองบัญชาการสอบสวนกลาง สำนักงานงานตำรวจแห่งชาติ จะ

นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดี กรมป่าไม้ กล่าวว่าคดีดังกล่าวถือว่ามีความอุกอาจของกลุ่มขบวนการมาก กลุ่มขบวนการเคยกระทำผิดทางด้านคดีไม้พะยูงมาจำนวนหลายคดี หลายท้องที่แต่ไม่ยอมหยุดการกระทำและจากการตรวจสอบพบน่าจะเป็นกลุ่มขบวนการค้าไม้พะยูงข้ามชาติขบวนการใหญ่ที่สุดของประเทศ ซึ่งได้ประสานทุกหน่วยงานให้ขยายผลให้ถึงที่สุด รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบขยายผลทางการเงินเพื่อขยายผลร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดำเนินการยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป
  







ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ต้นพะยูงสองต้นดังกล่าว ต้นแรกเป็นต้นพะยูงยักษ์ขนาดความโต 300 เซนติเมตร  ได้ถูกตัดฟันลักลอบออกไปเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2560 ก็ถูกตัดโคนลงอีกต้นและตัดทอนออกเป็น 6 ท่อน แต่กลุ่มคนร้ายยังไม่สามารถลักลอบขนออกไปได้ ชุดปฏิบัติการได้ร่วมกับ นายประวัติศาสตร์ จันทร์เทพ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นำกล้อง NCAPS นำไปติดตั้งเพื่อสอดส่องและป้องกันการเข้ามาลักลอบไม้พะยูงที่เหลือจำนวน 2 ต้นที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกันและอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่กลุ่มขบวนการก็ไม่เกรงกลัวนำกำลังไม่ต่ำกว่า 23 คนพร้อมรถยนต์จำนวนหลายคันเข้ามาลักลอบขนย้ายออกไป โดยขนย้ายกันริมถนนทางหลวงหมายเลข 304 มีความพลุกพล่าน ซึ่งถือว่าอุกอาจมาก




   ต้นพะยูงดังกล่าวถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดแล้วตั้งแต่เคยพบมา และทางสถานีวิจัยสิ่งแวดล้อม สะแกราชกำลังจะใช้เนื้อเยื่อของต้นพะยูงต้นดังกล่าวสำหรับการขยายพันธ์ แต่ก็ถูกตัดโค่นไปเสียก่อนเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่จะหาต้นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ได้อีก และในวันพรุ่งนี้จะบูรณาการหน่วยงานลงพื้นที่ขยายผลต่อเนื่องกับกลุ่มขบวนการอีกเป็นการต่อเนื่อง
          
นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดี กรมป่าไม้ ระบุว่าคดีดังกล่าวนี้ถือว่ามีความอุกอาจของกลุ่มขบวนการอย่างมาก และได้ประสานการบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องประสานการปฏิบัติงานขยายผลให้ถึงที่สุดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในขบวนการดังกล่าว  
  


ที่มา..นายชีวะภาพ ชีวะธรรม

ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...