ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. บูรณาการหน่วยงานเพื่อป้องกัน
และปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่า ร่วมกับชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
ในพื้นที่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์
หลังพบข้อมูลมีนายทุนนอกพื้นที่เข้ามาบุกรุกปลูกยางพารา สวนทุเรียน
ในพื้นที่ป่าต้นน้ำเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทิน และป่าคลองตีบ
ขณะเดียวกันเตรียมเปิดยุทธการทวงคืนผืนป่าใน จ.เพชรบูรณ์
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ
หัวหน้าชุดปฏิบัติการศปป.4 กอ.รมน.ร่วมกับ
นายนฤพนธ์ ทิพย์มณฑา หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้
นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพรผ,ทหารกองร้อยรักษาความสงบที่
2 ม.3 พัน 13
จังหวัดเพชรบูรณ์, เจ้าหน้าที่ป่าไม้
ปูพรมเข้าจับกุมดำเนินคดีเป้าหมาย 2 จุด
ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยทินและป่าคลองตีบ ท้องที่อำเภอหนองไผ่
จังหวัดเพชรบูรณ์
หลังจากตรวจสอบพบข้อมูลมีนายทุนนอกพื้นที่เข้ามาบุกรุกปลูกยางพารา
สวนทุเรียนในพื้นที่ป่าต้นน้ำ
ดังนี้จุดแรกเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบแปลงปลูกสวนทุเรียนเนื้อที่ 24
- 1 - 32 ไร่ คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 1,654,440.-บาท พบคนงาน 5 คนกำลังฉีดยาฆ่าหญ้าในแปลงทุเรียน
เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวมาให้ข้อมูล จากการสอบถามให้การว่าเป็นเพียงคนงาน มารับจ้างให้เจ้าของชื่อสุรชัย
ซึ่งขณะตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียด นายสุรชัย ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูล โดยระบุว่า
พื้นที่แปลงทุเรียนทั้งหมดเป็นของ เจ๊กุ้ง นายทุนจาก จ.สุราษฎร์ธานี
โดยให้ตนเป็นคนดูแลและให้การเป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกตรวจยึด
นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองไผ่ เพื่อดำเนินคดีนายทุน
และบุคคลที่เกี่ยวข้องตาม ปจว.ข้อ 1 เวลา 00.30 คดีอาญาที่ 74/2562 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2562
ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันเข้าตรวจสอบแปลงยางพาราที่เคยดำเนินคดีตรวจยึดเมื่อปี 2559 เนื้อที่ 640 ไร่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการรื้อถอนตัดฟันตามมาตรา
25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
จากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นที่
จึงได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบโดยละเอียด แต่ไม่พบบุคคลใดในพื้นที่ในวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 11.00 น.
คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันตรวจแปลงยางพารา ในพื้นที่ข้างเคียงอีกกว่า 2,000 ไร่ ท้องที่ หมู่ 12 บ.ผาแดง ต.นายม อ.เมือง
จ.เพชรบูรณ์ พบบ้านพักคนงาน 4 หลัง มีร่องรอยผู้อยู่อาศัย
จึงเข้าตรวจค้นภายในบ้าน เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
พบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนแก๊ป) 2 กระบอก, ปืนลูกซอง 1 กระบอก และเลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์อีกหลายรายการ แต่ไม่พบผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่พบร่องรอยการต่อสายวิทยุสื่อสาร
พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ คาดว่าใช้ติดต่อกัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
เพื่อหลบหนีการจับกุม คณะเจ้าหน้าที่จึงจับค่าพิกัดมาคำนวณ และตรวจยึดพื้นที่ 1 แปลง จำนวน 2,656-3-60 ไร่
คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 181,318,068.- บาทพร้อมตรวจยึดของกลางทั้งหมด
นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองจ.เพชรบูรณ์
เพื่อเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ชุดพยัคฆ์ไพร
กรมป่าไม้ ได้นำอากาศยานไร้คนขับขึ้นบินสำรวจบริเวณโดยรอบ
พบว่ามีการบุกรุกปลูกยางพารา และพืชเกษตรอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ไร่
คณะเจ้าหน้าที่เตรียมบูรณาการเปิดยุทธการตรวจยึดพื้นที่จากกลุ่มนายทุนที่เข้ามาบุกรุกพื้นที่ป่าซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ
พร้อมกับดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ขั้นเด็ดขาด หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
หรือปล่อยปะละเลยให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าด้วย
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น