“อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ
แจ้งเวียนให้หน่วยในสังกัด เร่งประชุมชี้แจง เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรและที่อยู่อาศัยในเขตป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ”
วันนี้
(12 ก.ย.62) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการแจ้งเวียนข้อความทางแอพพลิเคชั่นไลน์ของผู้บริหารกรมอุทยานฯ
ให้หน่วยในสังกัด เร่งประชุมชี้แจง เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรและที่อยู่อาศัยในเขตป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
“เรียน
ผอ.สบอ.1-16 และ ผอ.สำนักสาขา ทุกสาขา
ด้วยในปัจจุบันกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ได้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาพื้นที่อยู่อาศัยทำกินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26
พฤศจิกายน 2561
ซึ่งเห็นชอบในหลักการตามมติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561
ในพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้
(ทุกประเภท) โดยราษฎรผู้อยู่อาศัยในเขตป่าอนุรักษ์ ก่อนและหลังมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2541
ให้มีการสำรวจเตรียมความพร้อมของชุมชน ก่อนที่จะมีการดำเนินการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย
ภายหลังที่พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562
และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
มีผลใช้บังคับ
เพื่อให้สามารถอนุญาตให้ราษฎรอยู่อาศัยและใช้ประโยชน์อย่างเกื้อกูลธรรมชาติ
ภายในเขตป่าอนุรักษ์ได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน
ดังนั้น
เพื่อให้นโยบายการแก้ไขปัญหาพื้นที่อยู่อาศัยทำกินของราษฎรในเขตป่าอนุรักษ์
มุ่งไปสู่การปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้อย่างแท้จริง
จึงขอให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกแห่ง
สั่งการให้หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามในสังกัด
ได้นำรูปแบบการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับราษฎรในพื้นที่
ดังตัวอย่างของอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จังหวัดเชียงใหม่
สำหรับชี้แจงให้ราษฎรและประชาชนโดยทั่วไป ได้รับรู้ รับทราบ
ถึงนโยบายต่างๆของรัฐบาล
เพื่อเป็นการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับราษฎร
พร้อมทั้งขอให้เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อสารมวลชนต่างๆในพื้นที่ให้มากที่สุด
แล้วรายงานผลให้ทราบทางกลุ่มไลน์ผู้บริหารนี้ ต่อไป”
จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการ
นายธัญญา
เนติธรรมกุล
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ตัวอย่างการประชุมชี้แจงของอุทยานแห่งชาติศรีลานนา
จ.เชียงใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัยของราษฎร
ในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่มา เชียงใหม่นิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น