วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ "ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ"

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 60 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่  ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ั
หน้า ๑
เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๐
เพื่อให้การกำหนดและขับเคลื่อนนโยบายของประเทศเกี่ยวกับการบริหารจัดการป่าไม้ทั้งระบบ
ทันต่อสถานการณ์และเป็นไปอย่างมีเอกภาพ และเกิดดุลยภาพกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และ
สิ่งแวดล้อม รวมทั้งมีมาตรการในการประสาน ติดตาม และสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้
ของชาติตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้และการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล และเกิดความยั่งยืน ตลอดจนเพื่อเป็นการสนองตอบต่อยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ
และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในด้านที่เกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๑ (๖) และ (๘) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ
แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบาย
ป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐”
ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ ๓ ในระเบียบนี้
“หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น
และมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ
หน่วยงานอื่นของรัฐ
ข้อ ๔ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ”
เรียกโดยย่อว่า “คปช.” ประกอบด้วย
(๑) นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ
(๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ
(๓) กรรมการโดยตำ แหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวง
การท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ปลัดกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เลขาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนา
เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
(๔) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกินเจ็ดคน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจาก
(ก) ผู้มีความรู้ความสามารถด้านทรัพยากรป่าไม้ จำนวนสามคน
หน้า ๒
เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
(ข) ผู้มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม
ด้านละหนึ่งคน
(ค) ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
(๕) ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ
(๖) อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอธิบดี
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการร่วม
ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้เสนอชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ตาม (๔) (ก) และ (ข)
ข้อ ๕ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) มีสัญชาติไทย
(๒) มีอายุไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
(๓) ไม่เป็นบุคคลซึ่งทางราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐไล่ออก ให้ออก
หรือเลิกจ้างเพราะทุจริตต่อหน้าที่
(๔) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือกรรมการ ที่ปรึกษา และเจ้าหน้าที่ของ
พรรคการเมืองหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(๕) ไม่ประกอบอาชีพหรือวิชาชีพอื่นใดที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์ขัดแย้งกับการปฏิบัติหน้าที่
ในตำแหน่งกรรมการ
ข้อ ๖ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง
และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ไม่เกินสองวาระติดต่อกัน
เมื่อครบกำหนดตามวาระในวรรคหนึ่ง หากยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระนั้นอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้รับแต่งตั้งใหม่เข้ารับหน้าที่
ข้อ ๗ นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) คณะกรรมการมีมติให้ออก เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือ
หย่อนความสามารถ
(๔) เป็นบุคคลล้มละลายโดยทุจริต
(๕) เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๖) ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิด
ที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๗) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๕
หน้า ๓
เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระด้วยเหตุใดตามวรรคหนึ่ง
ให้ คปช. ประกอบด้วยกรรมการเท่าที่เหลืออยู่ และให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทน
ตำแหน่งที่ว่าง โดยให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ข้อ ๘ ให้ คปช. มีอำนาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(๑) จัดทำนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาป่าไม้ของประเทศให้เกิดเอกภาพ
และดุลยภาพในการอนุรักษ์ การใช้ประโยชน์ และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสังคม
โดยคำ นึงถึงการมีส่วนร่วมของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
(๒) จัดทำยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บทเกี่ยวกับการพัฒนาป่าไม้ของประเทศ ซึ่งต้องสอดคล้องกับ
นโยบายป่าไม้แห่งชาติตาม (๑)
(๓) กำกับ ติดตาม ตรวจสอบ และเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการให้เป็นไป
ตามนโยบายป่าไม้แห่งชาติตาม (๑) และยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บทตาม (๒)
(๔) ประสานและให้คำแนะนำแก่หน่วยงานของรัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนอื่น ๆ เพื่อให้มี
การดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในนโยบายป่าไม้แห่งชาติตาม (๑) และยุทธศาสตร์
หรือแผนแม่บทตาม (๒)
(๕) ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะแก่หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขเพิ่มเติมหรือ
ปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง
(๖) ให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจำแนกพื้นที่ป่าไม้เพื่อการบริหารจัดการ
ในภาพรวมของประเทศ และแนวทางจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าไม้อย่างเหมาะสม
เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมาย
(๗) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติงานตามที่ คปช. มอบหมาย
(๘) ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
นโยบายป่าไม้แห่งชาติตาม (๑) และยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บทตาม (๒) ต้องเสนอ
คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แจ้งหน่วยงานของรัฐ
ที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ หรือแผนแม่บทดังกล่าว
ให้ คปช. จัดให้มีการทบทวนนโยบายป่าไม้แห่งชาติตาม (๑) และยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บท
ตาม (๒) ทุกสามปี หรือหากกรณีมีความจำเป็นให้ คปช. ดำเนินการทบทวนได้ตามความเหมาะสมกับ
สถานการณ์
หน้า ๔
เล่ม ๑๓๔ ตอนพิเศษ ๒๗๑ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับป่าไม้โดยเร่งด่วน แต่ไม่ได้
มีการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บท ให้ คปช. พิจารณาเสนอแผนงานหรือโครงการ
เพื่อแก้ปัญหานั้น หากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
ให้เป็นไปตามแผนงานหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบนั้น
ข้อ ๙ การจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ หรือแผนแม่บท คปช. ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริง
เกี่ยวกับป่าไม้ สภาพปัญหา ความสอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐ
การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และหลักการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ให้มีประสิทธิภาพ
และเกิดประโยชน์สูงสุด สมดุล เป็นธรรมและยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และ
ความมั่นคงของประเทศ
ข้อ ๑๐ การประชุมของ คปช. ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน
กรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุม คปช. ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้รองประธานกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานกรรมการและรองประธานกรรมการ
ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงที่ชี้ขาด
ข้อ ๑๑ ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้ คปช. อาจเชิญบุคคลใดมาชี้แจง ให้ข้อมูล หรือ
ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๒ ให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการ
ของ คปช. เพื่ออำนวยการและสนับสนุนงานด้านวิชาการของ คปช. ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่
คปช. มอบหมาย
ข้อ ๑๓ ให้หน่วยงานของรัฐที่ต้องดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ หรือแผนแม่บท
และการปฏิบัติตามระเบียบนี้ รายงานผลการดำเนินการต่อ คปช. ตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาที่
คปช. กำหนด
ข้อ ๑๔ ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามข้อ ๔ (๔) ให้แล้วเสร็จภายในเก้าสิบวัน
นับตั้งแต่วันที่ระเบียบนี้มีผลบังคับใช้
ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ คปช. ประกอบด้วยกรรมการ
ตามข้อ ๔ (๑) (๒) (๓) (๕) และ (๖) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ คปช. ไปพลางก่อนจนกว่าจะมีการแต่งตั้ง
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ข้อ ๑๕ ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี





ไม่มีความคิดเห็น:

โพสต์แนะนำ

พบเห็น !! การบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน ชุด ฉก.พญาเสือ โทร. 097-281-6363

พบเห็นการบุกรุกตัดไม้ทำลายป่า โปรดแจ้งสายด่วน  ชุดเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุ...